tag:blogger.com,1999:blog-22692871951098024992024-03-04T20:42:05.837-08:00เรื่องเล่าจากสังคมรุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.comBlogger16125tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-9260925590312222362011-09-12T05:34:00.000-07:002011-09-12T05:34:49.761-07:00เพลงชาติของนักต่อสู้เพื่อสังคม (แสงดาวแห่งศรัทธา)<iframe width="420" height="345" src="http://www.youtube.com/embed/qCMyJnPJ1t4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-35178054404061773172011-09-12T05:31:00.000-07:002011-09-12T05:31:14.309-07:00ขุนพลแห่งภูพาน เตียง ศิริขันธ์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4GZezmE62UCXKF6i_pZiq1oQx4BDaLP3KO9oRFJZh5cG2KZvyZZ1uKbRkTT81ZYCBbdT58ARAXh49rRADzIJoUku5-mj2-idj_1cdUiI8GZnU8kUWj7Yko5HJiJUsgAqF4kvs34zzG1g/s1600/images2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" nba="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4GZezmE62UCXKF6i_pZiq1oQx4BDaLP3KO9oRFJZh5cG2KZvyZZ1uKbRkTT81ZYCBbdT58ARAXh49rRADzIJoUku5-mj2-idj_1cdUiI8GZnU8kUWj7Yko5HJiJUsgAqF4kvs34zzG1g/s1600/images2.jpg" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div>นายเตียง ศิริขันธ์<br />
ประวัติ <br />
นายเตียง ศิริขันธ์ เป็นชาวสกลนครโดยกำเนิด เกิด พ.ศ. 2452 บิดาชื่อขุนนิเทศพานิชย์ (บุดดี ศิริขันธ์) มารดาชื่อ นางอ้ม ศิริขันธ์ บิดาเป็นนักธุรกิจ มีคนนับหน้าถือตา หนึ่งใน จังหวัดสกลนครในสมัยนั้น เป็นพ่อค้าผู้ควบคุม กองเกวียน ส่งของออกไปขายต่างจังหวัดและซื้อ ของต่างจังหวัดมาขายในเมืองแต่ละครั้งจะ มีพ่อค้านำกองเกวียนรวมไปด้วย 20 - 30 ราย เดินทางไปจนถึงขอนแก่น นครราชสีมา หรือกรุงเทพฯ เป็นแรมเดือน บางครั้งก็นำวัวไปขายถึง เมือง มะละแหม่ง-ย่างกุ้ง นับว่ามี รายได้ดีจนมีฐานะเป็นคหบดีคนหนึ่ง ของสกลนคร <br />
ขุนนิเทศพานิชย์มีบุตรรวม 9 คน คือ <br />
1. นายเนียม <br />
2. นายเจียม <br />
3. นางบุญเทียม บำเพ็ญสิทธิ์ <br />
4. นางเกี่ยง <br />
5. นายเที่ยง <br />
6. นายเตียง <br />
7. นางคำเปลว ขื่นสำราญ <br />
8. นายนุ่ม <br />
9.นายนวม (พีระ) <br />
การศึกษา <br />
นายเตียง ศิริขันธ์ เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล เป็นคนเรียนหนังสือเก่ง เมื่อเรียนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียนประจำจังหวัดแล้ว นายฮ้อยบุดดี ได้ส่งตัวมาเรียนต่อที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล จังหวัดอุดรธานี เป็นโรงเรียนประจำมณฑล และมีการสอนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าโรงเรียนอื่น ๆ ในมณฑลอุดรธานี โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้าน รตอ.ขุนรักษ์นิกร (เกิด ตราชู) บุตรเขยของขุนศรีธนานนท์ เมื่อ นายเตียงเรียนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียนอุดรพิทยานุกูลเแล้ว นายฮ้อยบุดดีได้ให้นายเตียง เรียนต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูวัดบวรนิเวศในกรุงเทพ ได้ประกาศนียบัตรประโยคครูประถม ในพ. ศ.2470 คือ เมื่ออายุได้ 18 ปี เทียบเท่า กับม.8 ในสมัยนั้น ต่อจากนั้นนายเตียง ได้สมัครเข้าเรียนในคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อ เลือกสายอักษาศาสตร์ เป็นวิชาเอกและเป็นนิสิตรุ่นแรกของคณะ จบ ปีที่ 3 ได้รับประกาศนียบัตรครูมัธยม (ป. ม.) ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่เปิดเรียนระดับ ปริญญาตรี ต่อมานายเตียงได้เข้าเป็นอาจารย์ที่ โรงเรียนมัธยมหอวัง(อาคารเดิมตั้งอยู่ใน กรีฑาสถานแห่งชาติ) อีก 4 ปีต่อมาใน พ.ศ. 2477 ทางราชการได้ย้ายนายเตียงไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนอุดร พิทยานุกูลซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของนายเตียงเอง โดยมีมล.มานิจ ชุมสาย เป็นอาจารย์ใหญ่ วิชาที่นายเตียงสอนคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ประวัติศาสตร์ ขณะที่รับราชการเป็นครู ถูกจับในข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ ใน พ.ศ. 2477 ถูกส่งตัวมาดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ ต่อมาศาลยกฟ้องให้นายเตียงพ้นข้อหาไป <br />
<br />
<br />
ผลงานของนายเตียง ศิริขันธ์ <br />
ภายหลังจากศาลยกฟ้องจากข้อหาคอมมิวนิสต์ นายเตียงได้เปลี่ยนวิถีชี วิตทาง การดำเนินชีวิต หันเข้ามาเล่นการเมือง เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งแรกในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2478 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งโดยอ้อม นายเข้ารับสมัครเลือกตั้งในจังหวัด สกลนคร และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรในปีนั้น และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ของจังหวัดสกลนครทุกสมัย เช่นใน พ.ศ. 2480 ซึ่งมีการเลือกตั้งโดยตรง นายเตียงก็ ได้รับเลือกตั้งเข้าไปนั่งในสภาผู้แทน และมีความสนิทสนมกับนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ (ส.ส.อุบลราชธานี) นายถวิล อุดล (ส.ส.ร้อยเอ็ด)และนายจำลอง ดาวเรือง (ส.ส.มหาสารคาม) มีความใกล้ชิดชื่นชมนายปรีดี พนมยงค์ จนเป็นที่ไว้วางใจหลังจากที่นายเตียงเป็น ส.ส. ไม่กี่ปี ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นยกพล ขึ้นบกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 ประเทศไทยในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ทำสัญญาร่วมรบและร่วมรุกับญี่ปุ่น นายปรีดี พนมยงค์ ไม่เห็นด้วยและถูกผลักดันให้พ้น จากตำแหน่งการเมืองเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน นายปรีดี พนมยงค์ เห็นว่าควรติดต่อกับฝ่าย สัมพันธมิตร เพื่อให้เข้าใจสภาพอันแท้จริงของไทยที่ต้องเสียอิสรภาพ จึงได้มีการติดต่อกับอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และจีน นายเตียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเสรีไทย ประจำภาคอีสาน ทำการชักชวนชาวบ้านร่วมฝึกอาวุธเป็นกองทัพประชาชนจัดทำสนามบิน 3 แห่ง ที่บ้านโนนหอม บ้านเต่างอย และตาดภูวง นับว่าเป็นการเสี่ยงภัย ในขณะที่มีการประกาศกฎอัยการศึกและเสี่ยงภัยต่อการถูก ญี่ปุ่นจับประหารชีวิต แต่โชคดีที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ ในสงคราม ทหารป่าเสรีไทยได้ไปเดินสวนสนาม ที่กรุงเทพฯ ในปลายเดือนกันยายน 2488 เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ส่ง ให้ทางราชการต่อไป ชีวิตนายเตียง ศิริขันธ์ หลังสงคราญี่ปุ่น ได้เป็นคณะรัฐมนตรี อยู่ในคณะรัฐบาล 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่าง วันที่ 31 ส.ค.-17 ก.ย . 2488 ในสมัยรัฐบาลนายทวี บุณยเกตุ ครั้ง ที่ 2 ในรัฐบาล ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ตั้งแต่วันที่ 17 กย. 2488- 31 ม.ค. 2489 ครั้งที่ 3 ในคณะรัฐบาลพลเรือนเอกถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ วันที่ 23 ส.ค. 2489 แต่ต่อมา ในวันที่ 10เมษายน 2490 นายเตียงได้ลาออก จากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อต้องเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ในฐานะเป็นรองตัวแทนการเจรจาประนีประนอม ระหว่าง ประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส ภายหลังที่สี่ รัฐมนตรีถูกฆ่าตายอย่างทารุณ นายเตียงไม่ไว้ใจสถานการณ์ทางการเมือง จึงตัดสินใจหนี ขึ้นภูพานพร้อมลูกน้องจำนวนไม่กี่คน ซึ่ง ต่อมาทางการได้ตั้งข้อหานายเตียงว่า "แบ่งแยกดินแดน" ท่านกลางการติดตาม ไล่ล่าตัวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ต่อมามีผู้พบศพนายเตียง ศิริขันธ์ พร้อมด้วยบุคคลอื่น ๆ อีก 5 คน ที่ป่าแห่งหนึ่ง ในตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี คาดว่าบุคคล ดังกล่าวถูกฆ่าตามเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2495 นายเตียง มีภรรยา 1 คน คือ นางนิวาศน์ ศิริขันธ์ และมีบุตร 1 คน ชื่อนายวิฑูร เกิดในปี พ.ศ. 2485 หลังจากนางนิวาศน์ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจแล้ว ไม่ช้านายวิฑูรก็ออกจากบ้านในกรุงเทพมหานคร โดยไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย นายเตียงได้ฉายาว่า "ขุนพลภูพาน" คือ เป็นทั้งแม่ทัพใหญ่ในการฝึกกหัดเสรีไทย นับเป็นพันคน หลายรุ่นมีอัธยาศัยไมตรีจนเป็น ที่ไว้วางใจของชาวสกลนครความเด็ดเดี่ยว มีอุดมการณ์ที่ต่อสู้กับนักการเมืองที่มีอิทธิพลทำให้เขาถูกยัดเยียดข้อหาฉกรรจ์ใน สมัยนั้น จนถูกฆ่าตายในที่สุด ดังนั้นจึงสมควรที่จะถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษคนสำคัญของสกลนคร "คนดีศรีสกล"<br />
<br />
ถ้ำเสรีไทย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูพาน<br />
ที่มาของข้อมูล : เครือข่ายกาญจนาภิเษก<br />
<br />
เซื้อซาติแฮ้งอย่าเหม็นสาบกุยกัน <br />
เกิดเป็นคนอีสานให้ฮักแพงกันไว้<br />
ไผเฮ็ดดีให้ซ่อยยู้ ซอยซูอย่าย่านเหลิน <br />
ไผเฮ็ดผิดให้ซอยเว้า ไขแก้ดอกซอยกัน ซันดอกหวารุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-72138723963171809262011-09-12T05:21:00.001-07:002011-09-12T05:22:51.006-07:00สังคนที่ไร้ชั้นชน เท่าเทียม<iframe width="420" height="345" src="http://www.youtube.com/embed/sxJuLhnLRfY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-32290637511736611582011-09-12T05:11:00.000-07:002011-09-12T05:11:20.488-07:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiz00xdYJNOMC3_HMAwspMXON7q2DszKzW4y8UwbRJDWQOUOKz1gWumsSScyMxWFBriRz68nu3Xi5y20HsmIFe_es21Qki0upLHmSOs99ZihVZYngZr7-HvMngQWFDuoFnx6cFAMtxueBU/s1600/images1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" nba="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiz00xdYJNOMC3_HMAwspMXON7q2DszKzW4y8UwbRJDWQOUOKz1gWumsSScyMxWFBriRz68nu3Xi5y20HsmIFe_es21Qki0upLHmSOs99ZihVZYngZr7-HvMngQWFDuoFnx6cFAMtxueBU/s1600/images1.jpg" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ออง ซาน ซูจี (พม่า: ) เป็นนักการเมืองฝ่ายค้านในประเทศพม่า เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2488 บิดาคือ นายพลออง ซาน ผู้นำการเรียกร้องเอกราชของพม่า ซึ่งถูกสังหารเสียชีวิตเมื่อเธอมีอายุเพียง 2 ขวบ ซูจีได้สมรสกับ ศาสตราจารย์ ดร. ไมเคิล อริส อาจารย์สอนวิชาทิเบตศึกษา ที่สถาบันตะวันออก มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร มีบุตรชายสองคน คือ อเล็กซานเดอร์ และคิม ปัจจุบัน ศาสตราจารย์ ดร.ไมเคิล อริสได้เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งในปี พ.ศ. 2542 โดยรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดของพม่า ได้กำหนดไว้ว่าชาวพม่าที่สมรสกับคนต่างชาติ จะไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ออง ซาน ซูจี จึงหมดสิทธิ์ลงสมัคร[9]</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ออง ซาน ซูจีถูกสั่งกักบริเวณในบ้านพักตั้งแต่ พ.ศ. 2533 จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553[10]<br />
ชีวิตช่วงแรกออง ซาน ซูจี เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2488 ณ ย่างกุ้ง พม่าของอังกฤษ (British Burma)[11] บิดาของเธอ นายพลอองซาน ที่ชาวพม่ายกย่องว่าเป็น “วีรบุรุษเพื่ออิสรภาพของประเทศพม่า” ถูกลอบสังหารเมื่อ วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 เมื่อเธอได้อายุได้ 2 ปี บทบาทของนายพลอองซานในการนำการต่อสู้กับญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักรที่เข้ามายึดครองพม่า ทำให้สหภาพพม่าได้รับอิสรภาพเป็นรัฐเอกราชเมื่อ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2491</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ดอว์ขิ่นจี ผู้เป็นภรรยาของนายพลอองซาน ต้องรับภาระเลี้ยงดูบุตรชายหญิง 3 คนโดยลำพังหลังจากสามีถูกลอบสังหาร ซูจีเป็นลูกคนเล็ก และเป็นบุตรสาวคนเดียวของครอบครัว ภายหลังบิดาเสียชีวิตไม่นาน พี่ชายคนรองของเธอประสบอุบัติเหตุ จมน้ำตายในบริเวณบ้านพัก ซูจีและพี่ชายคนโตคือ อองซาน อู เติบโตมากับการเลี้ยงดูของมารดา ที่เข้มแข็ง และความเอื้อเอ็นดูของกัลยาณมิตรร่วมอุดมการณ์ของบิดา</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">พ.ศ. 2503 ดอว์ขิ่นจี ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งทูตพม่า ประจำประเทศอินเดีย ซูจีถูกส่งเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมและวิทยาลัยสตรีศรีราม ที่นิวเดลี จากนั้นไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ การเมือง และปรัชญาที่เซนต์ฮิวส์คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ระหว่างปี พ.ศ. 2507-2510 ช่วงที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซูจีได้พบรักกับ ไมเคิล อริส นักศึกษาสาขาวิชาอารยธรรมทิเบต</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ปีเดียวกันกับที่ซูจีจบการศึกษา ดอว์ขิ่นจี หมดวาระในตำแหน่งทูตประจำประเทศอินเดีย และย้ายกลับไปพำนัก ที่ย่างกุ้ง ซูจี แยกจากมารดาเพื่อเดินทางไปมหานครนิวยอร์ก เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ให้ คณะกรรมการที่ปรึกษา ด้านการตั้งคำถามเกี่ยวกับงบประมาณ และการจัดการของสำนักงานเลขาธิการ องค์การสหประชาชาติ ขณะนั้น อูถั่น ซึ่งเป็นชาวพม่า ดำรงตำแหน่งเลขาธิการของ องค์การสหประชาชาติ ในการทำงาน 3 ปีที่นี่ซูจีใช้เวลาช่วงเย็น และวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นอาสาสมัครให้โรงพยาบาล ในโครงการช่วยอ่านหนังสือ และดูแลปลอบใจผู้ป่วยยากจน</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เดือนมกราคม พ.ศ. 2515 ซูจีแต่งงานกับ ไมเคิล อริส และย้ายไปอยู่กับสามี ที่ราชอาณาจักรภูฏาน ซูจีได้งาน เป็นนักวิจัยในกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลภูฏาน ขณะที่ไมเคิลมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า กรมการแปล รวมทั้งมีหน้าที่ถวายการสอน แก่สมาชิกราชวงศ์แห่งภูฏาน ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2516-2520 ทั้งสองย้ายกลับมาที่กรุงลอนดอน ไมเคิลได้งานสอน วิชาหิมาลัย และทิเบตศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซูจีให้กำเนิดบุตรชายคนแรก อเล็กซานเดอร์ ในปี พ.ศ. 2516 และบุตรชายคนเล็ก คิม ในปี พ.ศ. 2520 นอกจากใช้เวลากับการเลี้ยงดูบุตรชายทั้งสองแล้ว ซูจีเริ่มทำงานเขียน และงานวิจัยเกี่ยวกับชีวประวัติของบิดาและยังช่วยงานหิมาลัยศึกษาของ ไมเคิลด้วย</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">พ.ศ. 2528-2529 ซูจี และไมเคิลตัดสินใจแยกจากกัน ระยะหนึ่ง[ต้องการอ้างอิง] เพื่อแสวงหาความก้าวหน้าทางวิชาการ ซูจีได้รับทุนทำวิจัยจาก ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ในการทำวิจัย เกี่ยวกับบทบาทของนายพลอองซาน ขณะที่ไมเคิลได้รับทุนจาก Indian Institute of Advanced Studies ที่ซิมลา (Simla) ทางภาคตะวันออกของอินเดีย ซูจีพาคิม บุตรชายคนเล็กไปญี่ปุ่นด้วย ส่วนไมเคิลได้พาอเล็กซานเดอร์ บุตรชายคนโตไปอยู่ด้วยที่อินเดีย ปีต่อมาซูจีได้รับทุนจาก Indian Institute of Advanced Studies จึงพาคิมมาสมทบที่ซิมลา ประเทศอินเดีย ต่อมาซูจีที่อยู่ที่ญี่ปุ่นต้องบินไปดูแลมารดาที่เดินทางมารับการผ่าตัดต้อกระจกตา ที่ลอนดอน</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">พ.ศ. 2530 ซูจีและไมเคิลย้ายครอบครัวกลับมาอยู่ที่ออกซฟอร์ด ซูจีเข้าศึกษาต่อที่ London School of Oriental and African Studies ที่กรุงลอนดอน เธอกำลังทำวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอกเกี่ยวกับวรรณคดีพม่า</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] กลับบ้านเกิดเพื่อสานอุดมการณ์และความฝันของบิดา <br />
นางอองซาน ซูจีขณะกล่าวสุนทรพจน์แก่ชาวพม่าปลายเดือน มีนาคม พ.ศ. 2531 อองซาน ซูจี ในวัย 43 ปี เดินทางกลับบ้าน เกิดที่ย่างกุ้ง เพื่อมาพยาบาล ดอว์ขิ่นจี มารดาที่กำลังป่วยหนัก ในขณะนั้นเป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และมีความวุ่นวายทางการเมืองในพม่ากดดันให้นายพลเนวินต้องลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคโครงการสังคมนิยมพม่า (The Burma Socialist Programme Party-BSPP) ที่ยึดอำนาจการปกครอง ประเทศพม่ามานานถึง 26 ปี เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ตอนที่ดิฉันเดินทางกลับมาพม่าเมื่อ พ.ศ. 2531 เพื่อมาพยาบาลคุณแม่นั้น ดิฉันวางแผนไว้ว่าจะมาริเริ่ม ทำโครงการเครือข่ายห้องสมุดในนามของคุณพ่อด้วย เรื่องการเมืองไม่ได้อยู่ในความสนใจของดิฉันเลย แต่ประชาชนในประเทศของดิฉันกำลังเรียกร้อง ประชาธิปไตย และในฐานะลูกสาวของพ่อ (นายพลอองซาน) ดิฉันรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ดิฉัน ต้องเข้าร่วมด้วย” [12]</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ประชาชนไม่พอใจต่อระบอบเนวิน โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ นั้นสะสมต่อเนื่อง และรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่า 25 จัต 35 จัต และ 75 จัต โดยไม่ยอมให้มีการแลกคืน ในเดือน กันยายน พ.ศ. 2530 ซึ่งทำให้เงินร้อยละ 75 หายไปจากตลาดเงิน นักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งประท้วงด้วยการทำลายร้านค้าหลายแห่ง จนมีเหตุการณ์รุนแรงครั้งสำคัญปะทุขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือน มีนาคม พ.ศ. 2531 หลังเกิดเหตุทะเลาะ วิวาทระหว่างนักศึกษาในร้านน้ำชา และตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุ กลุ่มนักศึกษาได้รวมตัวกันประท้วง ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา แต่ตำรวจกลับใช้ความรุนแรง ตอบโต้ด้วยการยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งยังจับกุม นักศึกษานับพันคนไปจากการชุมนุม ก่อให้เกิดความไม่พอใจ ในหมู่นักศึกษาประชาชน และขยายไปทั่วประเทศ มีการประท้วงในพื้นที่ต่างๆ จำนวนมาก จนเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่กดดันให้นายพลเนวินต้องประกาศลาออก</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การลาออกของนายพลเนวินใน วันที่ 23 กรกฎาคม ตามมาด้วยการชุมนุม เรียกร้องประชาธิปไตย ของนักศึกษา และประชาชนหลายแสนคนในเมืองหลวงย่างกุ้ง และแผ่ขยายไปทั่วประเทศ ในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ประชาชนนับล้านรวมตัวกันในเมืองร่างกุ้ง อันเป็นเมืองหลวงของประเทศพม่า เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย การประท้วงแผ่ขยายไปทั่วประเทศ ผู้นำทหารได้สั่งการให้ใช้กำลังอาวุธสลายการชุมนุม ทำให้ผู้ร่วมชุมนุมหลายพันคนเสียชีวิต</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ออง ซาน ซูจี เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2531 โดยส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล เรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 26 สิงหาคม ออง ซาน ซูจี ในขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรก ต่อหน้าฝูงชนประมาณ 500,000 คน ที่มาชุมนุมกันที่เจดีย์ชเวดากอง ในย่างกุ้ง ซูจีเรียกร้องให้มีรัฐบาลประชาธิปไตย แต่ผู้นำทหารกลับจัดตั้งสภาฟื้นฟูกฎระเบียบแห่งรัฐ (The State Law and Order Restoration Council : SLORC) ขึ้นแทน และได้ทำการปราบปรามสังหาร และจับกุมผู้ต่อต้านอีกหลายร้อยคนวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2531 ออง ซาน ซูจี ได้ร่วมจัดตั้งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยขึ้น (National League for Democracy: NLD) และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคชีวิตทางการเมืองของนางออง ซาน ซูจี เริ่มต้น นับแต่นั้น</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">มารดาของซูจี ดอว์ขิ่นจี ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2531 แต่ภารกิจต่อแผ่นดิน เกิดเรียกร้องให้ซูจีเลือกที่จะต่อสู้กับระบอบเผด็จการทหารอยู่บนแผ่นดินเหนือลุ่มน้ำอิรวดี-สาละวิน</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] เกียรติยศ และการจองจำ <br />
อเล็กซานเดอร์ อาริสและคิมบิน อาริส บุตรทั้ง 2 ของอองซานซูจีในวันรับรางวัลโนเบลรัฐบาลเผด็จการใช้อำนาจเผด็จการภายใต้กฎอัยการศึก สั่งกักบริเวณซูจีให้อยู่แต่ในบ้านพักเป็น ครั้งแรก เวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งต่อมาขยายเป็น 6 ปีโดยไม่มีข้อหา และได้จับกุม สมาชิกพรรคจำนวนมากไปคุมขังไว้ที่ คุกอินเส่ง ซูจีอดอาหารเพื่อประท้วง และเรียกร้องให้นำเธอไปขังรวมกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆ เวลานั้นอเล็กซานเดอร์ และคิมอยู่กับมารดาด้วย ไมเคิลจากอังกฤษมาที่ย่างกุ้ง เพื่อเป็นกำลังใจให้ภรรยา ซูจียุติการอดอาหารประท้วงเมื่อรัฐบาลเผด็จการทหารให้สัญญาว่า จะปฏิบัติอย่างดีต่อสมาชิกพรรคเอ็นแอลดี ที่ถูกคุมขังไว้ที่คุกอินเส่ง</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">27 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 แม้ว่าซูจียังคงถูกกักบริเวณอยู่ แต่พรรคเอ็นแอลดี ของเธอได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลเผด็จการทหารในนามของ “สภาฟื้นฟูกฎหมายและระเบียบแห่งรัฐ” ปฏิเสธที่จะถ่ายโอนอำนาจให้แก่ผู้ชนะ แต่ยื่นข้อเสนอ ให้ซูจียุติบทบาททางการเมือง ด้วยการเดินทางออกนอกประเทศ ไปใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีและบุตร แต่ซูจีปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว รัฐบาลทหารจึงมีคำสั่งยืดเวลาการกักบริเวณเธอจาก 3 ปี เป็น 5 ปี และเพิ่มอีก 1 ปีในเวลาต่อมา</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2534 คณะกรรมการโนเบลแห่งประเทศนอร์เวย์ ประกาศชื่อ นางอองซาน ซูจี เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซูจีไม่มีโอกาสเดินทาง ไปรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ด้วยตัวเอง เดือนธันวาคม อเล็กซานเดอร์ และคิมบินไปรับรางวัล แทนมารดาที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ สองพี่น้องเดิน ถือภาพถ่ายของมารดา ขึ้นเวทีท่าม กลางเสียงปรบมือต้อนรับอย่างกึกก้อง อเล็กซานเดอร์กล่าว กับคณะกรรมการและผู้มาร่วมในพิธีว่า “ผมรู้ว่าถ้าแม่มีอิสรภาพและอยู่ที่นี่ในวันนี้ แม่จะขอบคุณพวกคุณพร้อมกับขอร้อง ให้พวกคุณร่วมกันสวดมนต์ ให้ทั้งผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่โยนอาวุธทิ้ง และหันมาร่วมกันสร้างชาติด้วยความเมตตากรุณาและจิตวิญญาณแห่งสันติ”</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ซูจีประกาศใช้เงินรางวัลจำนวน 1.3 ล้านเหรียญ จัดตั้งกองทุนเพื่อสุขภาพและการศึกษา ของประชาชนพม่า ต่อมา เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ซูจีได้รับอิสรภาพจากการถูกกักบริเวณครั้งแรก</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] การเคลื่อนไหว <br />
ออง ซาน ซูจีขณะอยู่ในบ้านพักที่ต่อมาจะเป็นที่กักขังเธอการปล่อยตัวจากการบริเวณนี้ ซูจี ยังคงถูกติดตาม ความเคลื่อนไหว และไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างอิสระ เธอถูกห้าม ไม่ให้ปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่มาชุมนุมอยู่หน้าบ้านของเธอเอง และเมื่อเธอพยายามเดินทางออกจากบ้านพัก เพื่อไปพบปะฝูงชน เจ้าหน้าที่รัฐจะติดตามไปทุกแห่งหน พร้อมกับฝูงชนจัดตั้งจำนวนหนึ่ง ที่พยายามทำร้ายเธอ และเพื่อนร่วมคณะ ซึ่งครั้งหนึ่งฝูงชนจัดตั้งดังกล่าวได้ใช้ก้อนหิน และวัตถุอันตรายอื่นๆ กว้างปาเข้าใส่รถของเธอจนเสียหาย ทั้ง ๆ ที่อยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ซูจี ดำเนินการต่อสู้ด้วยแนวทางสันติวิธี ด้วยการใช้วิธีเขียนจดหมาย เขียนหนังสือ บันทึกวีดีโอเทป เพื่อส่งผ่านข้อเรียกร้องของเธอ ต่อรัฐบาลทหารพม่า ออกมาสู่ประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่สามารถทำได้ เดือน กรกฎาคม 2541 ซูจี นั่งประท้วงอยู่ในรถยนต์ ของเธอเองเป็นเวลาห้าวัน หลังจากถูกตำรวจ สกัดไม่ให้รถยนต์ของเธอเดินทางออกจากย่างกุ้งเพื่อไปพบปะกับสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย เดือนสิงหาคม 2541 ซูจี ถูกสกัด ไม่ให้เดินทางไปพบปะสมาชิกพรรคของเธออีกครั้งหนึ่ง ซูจี ใช้ความสงบ เผชิญหน้า กับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเวลาถึงหกวัน จนเสบียงอาหารที่เตรียมไปหมด เธอถูกบังคับพาตัวกลับ ที่พักหลังจากนั้น</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ซูจี และสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางเพื่อไปดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่ถูกตำรวจสกัดไม่ให้เดินทางออกพ้นชานกรุงย่างกุ้งซูจี ยืนยันที่จะดำเนินการตามเจตนารมณ์ โดยใช้วิธีเผชิญหน้าอย่างสงบกับตำรวจอยู่ ณ จุดที่ถูกสกัดเป็นเวลาถึง 9 วัน จนถึงวันที่ 2 กันยายน ตำรวจปราบจลาจลร่วม 200 นาย พร้อมอาวุธครบมือ บังคับนำเธอกลับเข้าเมือง</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">สองสัปดาห์ต่อมา ซูจี พร้อมคณะ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านเดินทางไปที่สถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วโดยสารทางออกจากเมืองร่างกุ้ง แต่รัฐบาลเผด็จการทหารได้ส่งหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ ไปควบคุมตัวเธอกลับบ้านพัก พร้อมทั้งวางกำลัง เจ้าหน้าที่ควบคุมจุดต่าง ๆ บนถนนหน้าบ้านพักของนางซูจี ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าพบปะ เยี่ยมเยียนเธอ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ซูจี ถูกกักบริเวณโดยปราศจากข้อกล่าวหาและความผิดอีกเป็น ครั้งที่สอง เป็นเวลา 18 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2543 และได้รับอิสรภาพ จากการกักบริเวณครั้งนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 โดยในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ขณะที่ผู้รักสันติภาพทั่วโลกร่วมกันเฉลิมฉลองวาระครบรอบหนึ่งร้อยปี ของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ พร้อมกับฉลองวาระครบสิบปีที่ซูจี ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ยังคงถูกจำกัดอิสรภาพอยู่ในประเทศพม่า ไม่มีโอกาสเดินทางไปร่วมพิธีเฉลิมฉลองรางวัลเกียรติยศแห่งชีวิตพร้อมกับผู้ได้รับรางวัลคนอื่น ๆ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างมวลชนจัดตั้ง ของรัฐบาลกับกลุ่มผู้สนับสนุน ซูจีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ระหว่างที่นางซูจีเดินทางเพื่อพบปะกับประชาชน ในเมืองเดพายิน (Depayin) ทางตอนเหนือของพม่า ทำให้ซูจีถูกสั่งกักบริเวณให้ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านพักอีกเป็น ครั้งที่ 3 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในพม่า พ.ศ. 2550บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ<br />
ชุดบทความประวัติศาสตร์พม่า </div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
ประวัติศาสตร์พม่ายุคต้น<br />
<br />
นครรัฐปยู<br />
(ประมาณ พ.ศ. 443 – ประมาณ พ.ศ. 1383)<br />
<br />
อาณาจักรมอญ<br />
(พศว. 14 – 16, พศว. 18 – 21, พศว. 23)<br />
<br />
อาณาจักรพุกาม<br />
(พ.ศ. 1392 – 1830, อาณาจักรยุคที่ 1)<br />
<br />
อาณาจักรอังวะ (พ.ศ. 1907 – 2098)<br />
<br />
อาณาจักรมเร้าก์อู (พ.ศ. 1977 – 2327)<br />
<br />
ราชวงศ์ตองอู<br />
(พ.ศ. 2029 – 2295, อาณาจักรยุคที่ 2)<br />
<br />
ราชวงศ์อลองพญา<br />
(พ.ศ. 2295 – 2428, อาณาจักรยุคที่ 3)<br />
<br />
สงครามกับอังกฤษ<br />
(พ.ศ. 2367 – 2369, พ.ศ. 2395, พ.ศ. 2428)<br />
<br />
พม่าของอังกฤษ<br />
(พ.ศ. 2367 – พ.ศ. 2485, พ.ศ. 2485 – 2491)<br />
<br />
อาระกันของอังกฤษ (พ.ศ. 2367 – 2395)<br />
<br />
ตะนาวศรีของอังกฤษ (พ.ศ. 2367 – 2395)<br />
<br />
พม่าตอนล่างของอังกฤษ (พ.ศ. 2395 – 2429)<br />
<br />
พม่าตอนบนของอังกฤษ (พ.ศ. 2428 – 2429)<br />
<br />
การยึดครองพม่าโดยญี่ปุ่น (พ.ศ. 2485 – 2488)<br />
<br />
ขบวนการชาตินิยมในพม่า (หลัง พ.ศ. 2429)<br />
<br />
บา มอว์ <br />
ออง ซาน <br />
ยุคประชาธิปไตย (พ.ศ. 2491 - 2505)<br />
<br />
อู นุ และ อู ถั่น <br />
รัฐบาลทหารครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2505 – 2532)<br />
<br />
เน วิน <br />
การจลาจล 8888 (พ.ศ. 2531)<br />
<br />
ออง ซาน ซูจี <br />
รัฐบาลทหารครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2532 – ปัจจุบัน)<br />
<br />
การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์ (พ.ศ. 2550)<br />
<br />
พายุหมุนนาร์กิส (พ.ศ. 2551)<br />
<br />
[แก้ไขแม่แบบนี้] </div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ดูบทความหลักที่ การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในพม่า พ.ศ. 2550<br />
การประท้วงที่นำโดยคณะพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี นักศึกษาและประชาชน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550 จากการไม่พอใจของประชาชนต่อการประกาศขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเกือบเท่าตัว และขึ้นราคาก๊าซหุงต้มถึง 5 เท่าอย่างฉับพลันโดยมิได้ประกาศแจ้งบอกของรัฐบาลทหารพม่า การประท้วงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยมา จนถึงวันที่ 5 กันยายน มีการชุมนุมประท้วงที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองพะโคกกุ ทางตอนกลางของประเทศ เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งพระสงฆ์จำนวน 3 รูป</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">คณะพระภิกษุ ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับความเคารพอย่างสูงจากชาวพม่า ประกาศ "ปฐม นิคหกรรม" ไม่รับบิณฑบาตจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารพม่า ทหาร และครอบครัว และเรียกร้องให้ทางการพม่า ขอโทษองค์กรสงฆ์อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 17 กันยายน แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ภิกษุสงฆ์จึงเริ่มเข้าร่วมการประท้วงด้วย ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เมื่อรวมผู้ประท้วงแล้วมากกว่า 1 แสนคน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการครั้งนี้จึงนับว่าเป็นการประท้วงต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การประท้วงเมื่อปี พ.ศ. 2531 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน ในการใช้กำลังทหารเข้าสลายการประท้วง</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กันยายน คณะสงฆ์และประชาชนได้เดินทางไปยังบ้านพักนางออง ซาน ซูจี ผู้นำประชาธิปไตยในพม่า ซึ่งนางอองซานได้ออกมาปรากฏตัวเป็นเวลา 15 นาที โดยการเปิดประตูเล็กของประตูบ้าน พร้อมกับพนมมือไหว้พระสงฆ์ที่กำลังให้พร การปรากฏตัวครั้งนี้นับเป็นการปรากฏตั้วต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2546</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] การละเมิดกฎหมาย พ.ศ. 2552วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 นายจอห์น ยัตทอว์ ชาวอเมริกัน ได้ว่ายน้ำข้ามทะเลสาบไปยังบ้านพักที่ อองซานซูจี ถูกกักบริเวณอยู่ เขาอาศัยอยู่กับ ซูจี เป็นเวลาสองคืน ก่อนจะว่ายน้ำกลับมายังอีกฝั่งและถูกทหารพม่าจับกุมตัวในที่สุด วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 อองซานซูจี ถูกจับกุมตัวและนำไปคุมขังในเรือนจำอินเส่ง ในข้อหาละเมิดคำสั่งกักบริเวณของรัฐบาลทหารพม่าวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ศาลพม่าอ่านคำพิพากษาว่า อองซานซูจี มีความผิดข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงภายในประเทศมีโทษจำคุก 3 ปี แต่รัฐบาลทหารพม่าให้ลดโทษลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 18 เดือน และไม่ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอินเส่ง แต่ให้กลับไปถูกควบคุมตัวในบ้านพักเช่นเดิม</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">จากโทษครั้งนี้ทำให้ ซูจี อาจไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 ด้านนายจอห์น ยัตทอว์ ถูกศาลสั่งจำคุกและใช้แรงงานเป็นเวลา 7 ปี ตามความผิด 3 ข้อหา ซึ่งประกอบด้วยความผิดข้อหาละเมิดความมั่นคง 3 ปี เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย 3 ปี และว่ายน้ำอย่างผิดกฎหมายในที่ห้ามว่ายเป็นเวลา 1 ปี ในวันที่ 15 สิงหาคม นางออง ซาน ซูจี ได้เดินทางไปที่เรือนรับรองของรัฐบาลพม่าในเมืองย่างกุ้ง เพื่อพบหารือกับวุฒิสมาชิกจิม เวบบ์ ประธานคณะอนุกรรมการวิเทศสัมพันธ์กิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของวุฒิสภา สหรัฐ ซึ่งเดินทางมาเยือนพม่าเป็นเวลา 3 วัน ทั้งนี้ ขบวนรถยนต์ประกอบด้วย รถตำรวจหลายคันและรถของนางซูจี ได้นำเธอออกจากบ้านพักริมทะเลสาบกรุงย่างกุ้ง เพื่อมาพบกับ ส.ว.จิม เวบบ์ ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการหารือเมื่อช่วงเช้ากับพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่าที่กรุงเนปิดอ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] ปล่อยตัวในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เธอได้รับการปล่อยตัวจากรัฐบาลทหารพม่า[10] เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน ในปีเดียวกัน เธอได้พบกับบุตรชายคนเล็กครั้งแรก โดยเธอได้รอรับบุตรชายที่สนามบินมิงกะลาดง เธอและบุตรชายได้ปรากฏตัวที่มหาเจดีย์ชเวดากอง เมื่อวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้อยู่ร่วมกับครอบครัว แม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม[13]</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">[แก้] การศึกษาพ.ศ. 2510 ปริญญาสาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์, มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร<br />
[แก้] ประวัติการทำงานและผลงานสำนักงานเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก<br />
เจ้าหน้าที่วิจัยกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศภูฏาน<br />
รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ พ.ศ. 2534 จากการต่อสู้โดยสันติวิธีในการเรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน</div>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-2522533763499575742011-09-12T04:51:00.000-07:002011-09-12T04:51:18.042-07:00มหาตมา คานธี<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2ar_LSz-YEdLFRudzLujCjM4lgpNQR_CCIqGJYnf7enE6DyEtYTwjLtqisuju9YL_M4wTXJETnLOpxlh7vCTXzrYcGNNsSGfNrdRUVh3mWYTuDxNdqcj2AtaT8vCxCMPEkS5zUK5g0J4/s1600/150px-Portrait_Gandhi.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" nba="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2ar_LSz-YEdLFRudzLujCjM4lgpNQR_CCIqGJYnf7enE6DyEtYTwjLtqisuju9YL_M4wTXJETnLOpxlh7vCTXzrYcGNNsSGfNrdRUVh3mWYTuDxNdqcj2AtaT8vCxCMPEkS5zUK5g0J4/s1600/150px-Portrait_Gandhi.jpg" /></a></div><br />
มหาตมา คานธี (อังกฤษ: Mahatma Gandhi)เป็นผู้นำและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชาวอินเดียและศาสนาฮินดู<br />
มหาตมา คานธี'มีชื่อเต็มว่า โมหันทาส กะรัมจันท คานธี (คุชราต: મોહનદાસ કરમચંદ ગાંધી; อังกฤษ: Mohandas Karamchand Gandhi) เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869 ในแคว้นคุชราตทางทิศตะวันตกของอินเดีย มารดาของคานธี เป็นภรรยาคนที่ 4 ของบิดาของคานธี<br />
<ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1883" title="ค.ศ. 1883"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1883</span></a> เดือนพฤษภาคม คานธีมีอายุ 13 ปี ได้สมรสกับเด็กหญิงชื่อกัสตูรพา ซึ่งอายุมากกว่าคานธีประมาณ 6 เดือน ซึ่งสาเหตุที่คานธีสมรสเร็วนั้น มาจากประเพณีท้องถิ่นที่นิยมให้เด็กแต่งงานกันเร็วๆ คานธีมีความสุขกับชีวิตคู่มาก คานธีและกัสตูรพามีบุตร-ธิดา รวมกันทั้งสิ้น 5 คน แต่คนหนึ่งเสียชีวิตลงตั้งแต่ยังเป็นทารก ทำให้เหลือ 4 คน</li>
</ul><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1888" title="ค.ศ. 1888"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1888</span></a> เป็นปีที่บุตรคนแรก (ไม่นับคนที่เสียชีวิตขณะเป็นทารก) ของคานธีได้ถือกำเนิดขึ้น และเป็นปีที่ทางครองครัว ได้ส่งคานธีไปศึกษาวิชากฎหมายที่<a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3" title="สหราชอาณาจักร"><span style="color: #0645ad;">อังกฤษ</span></a> โดยก่อนจะเดินทาง คานธีได้ให้สัญญากับมารดาว่า จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์และสุรา และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรี เพื่อให้มารดาได้อุ่นใจ แล้วเดินทางไปอังกฤษ</li>
</ul>เมื่อไปถึงอังกฤษ คานธีพบปัญหาใหญ่ในการดำเนินชีวิตในอังกฤษ นั่นคือ วัฒนธรรม มารยาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในอังกฤษนั้นไม่เหมือนอินเดีย คานธีต้องระวังตนในเรื่องมารยาทซึ่งจะมาทำตามคนอินเดียเหมือนเดิมไม่ได้ คานธีต้องปรับตัวบุคลิกต่างๆให้เข้ากับคนอังกฤษให้ได้ และนอกจากนี้ อาหารในอังกฤษที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ในสมัยนั้นรสชาติจืดมาก จะกินเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรเพราะได้ให้สัญญากับมารดาไว้แล้ว<br />
ปัญหาด้านอาหารนั้นทุเลาลงเมื่อคานธีได้รู้จักอาหารมังสวิรัติ และได้ซื้อหนังสือคู่มือสำหรับนักมังสวิรัติเข้า คานธีจึงได้มีวิธีรับประทานมังสวิรัติอย่างเป็นสุขในอังกฤษ ส่วนมารยาทและวัฒนธรรมก็ต้องค่อยๆปรับตัวไป และในที่สุดคานธีก็สำเร็จการศึกษาและสอบได้เป็นเนติบัณฑิต และเมื่อได้เป็นเนติบัณฑิตแล้ว คานธีก็เดินทางกลับสู่อินเดียใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1892" title="ค.ศ. 1892"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1892</span></a> เพื่อประกอบอาชีพ<br />
ในปีเดียวกันคานธีกลับมา ลูกคนที่สองของคานธีก็กำเนิดขึ้น แต่ในด้านอาชีพ แม้จะประสบความสำเร็จในการศึกษา แต่การประกอบอาชีพในช่วงแรกของคานธีนั้นประสบความยากลำบาก แต่แล้ว ไม่นานต่อมา คานธีก็ได้งานชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คานธีกลายเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลาต่อมา<br />
งานนั้นคือ ให้ไปเป็นทนายว่าความให้ลูกความใน<a href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89" title="ประเทศแอฟริกาใต้"><span style="color: #0645ad;">ประเทศแอฟริกาใต้</span></a> ดังนั้น ใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1893" title="ค.ศ. 1893"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1893</span></a> คานธีได้เดินทางไปประเทศแอฟริกาใต้ โดยเมื่อเดินทางไปถึง คานธีได้ซื้อตั๋วรถไฟชั้น First Class (ชั้นที่หรูหราสะดวกสบายที่สุด ค่าตั๋วแพงที่สุด) ไปยังเมืองที่ลูกความต้องการ แต่ทว่า ผู้โดยสารชั้น First Class ที่ผิวขาว ไม่พอใจที่คนผิวคล้ำอย่างคานธีมาอยู่ร่วมชั้น First Class กับพวกเขา จึงไปประท้วงบอกเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงเดินมาสั่งให้คานธีย้ายตู้โดยสารไปโดยสารตู้ของ Third Class (ชั้นไม่สะดวก ไม่หรูหรา แต่ค่าตั๋วถูกที่สุด) ทั้งๆที่คานธีเสียเงินซื้อตั๋ว First Class มาอย่างถูกต้อง คานธีจึงปฏิเสธ ทำให้ความขัดแย้งในรถไฟชั้น First Class รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด คานธีก็ถูกเจ้าหน้าที่รุมทำร้าย และคานธีถูกผู้โดยสารผิวขาวโยนออกมาจากรถไฟ โดยเจ้าหน้าที่ต่างอ้างว่า รถไฟชั้นหนึ่งนี้สร้างสำหรับผู้โดยสารผิวขาวเท่านั้น<br />
เหตุการณ์นี้ทำให้คานธีเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งเศร้ามากยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าชาวผิวคล้ำเกือบทุกคนถูกเหยียดหยามจากชนผิวขาวในแอฟริกาใต้ นับแต่นั้น คานธีก็ได้เข้าต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนของชาวผิวคล้ำในแอฟริกาใต้ และเมื่อคานธีรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่จบง่ายๆ จึงได้เดินทางไปอินเดียใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1896" title="ค.ศ. 1896"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1896</span></a> เพื่อพาครอบครัวมาอยู่ด้วยกันที่แอฟริกาใต้ และกลับสู่อินเดียใน ต้นปี <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1897" title="ค.ศ. 1897"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1897</span></a> และใช้ชีวิตครอบครัวต่อจนมีลูกกับภรรยาต่ออีก 2 คน<br />
<h3><span class="editsection">[<a href="http://www.blogger.com/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2_%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5&action=edit&section=3" title="แก้ไขส่วน: เรียกร้องความเป็นธรรม"><span style="color: #0645ad;">แก้</span></a>]</span> <span class="mw-headline" id=".E0.B9.80.E0.B8.A3.E0.B8.B5.E0.B8.A2.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B9.89.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.84.E0.B8.A7.E0.B8.B2.E0.B8.A1.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.87.E0.B8.99.E0.B8.98.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B8.A1">เรียกร้องความเป็นธรรม</span></h3><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1901" title="ค.ศ. 1901"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1901</span></a> คานธีเดินทางกลับอินเดียเพื่อกลับไปประกอบอาชีพต่อ แต่มีเสียงเรียกร้องจากชาวอินเดียในแอฟริกาใต้ให้มาช่วยด้วย คานธีเดินทางกลับไปยังแอฟริกาใต้เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ต่อใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1902" title="ค.ศ. 1902"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1902</span></a> แต่ว่า การต่อสู้ของคานธีเมื่อครั้งก่อนนั้นให้ผลไม่ดีเท่าไรนัก ดังนั้นในครั้งนี้ คานธีใช้วิธี "สัตยาเคราะห์" ซึ่งคือ การไม่ร่วมมือในกฎที่ไม่ยุติธรรม โดยไม่มีการใช้กำลัง ซึ่งวิธีนี้ได้ผลดีมาก ทำให้คานธีรู้ว่าการประท้วงโดยไม่ใช้กำลังนั้นให้ผลดีกว่าที่คิด จึงพบวิธีที่แน่นอนและได้ผลดีในการเรียกร้องความยุติธรรม โดยคานธีได้อยู่เรียกร้องความยุติธรรมนี้จนถึง <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1914" title="ค.ศ. 1914"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1914</span></a> ก็เดินทางออกจากแอฟริกาใต้</li>
</ul><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1915" title="ค.ศ. 1915"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1915</span></a> คานธีเดินทางกลับมาถึงอินเดียที่เมืองบอมเบย์ คานธีตัดสินใจละทิ้งการแต่งกายแบบตะวันตกดังที่เคย และหันมาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของแคว้นคุชราต และเมื่อเดินทางกลับมาถึง ชาวอินเดียจำนวนมากไปชุมนุมต้อนรับคานธีกลับบ้านอย่างล้นหลาม ไม่กี่วันต่อมา คานธีเดินทางไปหา รพินทรนาถ ฐากุร มหากวีแห่งอินเดีย และรพิทรนาถนี้เอง ได้ขนานนามคานธีว่า "มหาตมา" อันแปลว่า ผู้มีจิตใจสูงส่งให้แก่คานธี เป็นคนแรก และหลังจากนั้น คานธี ได้เดินทางไปทั่วประเทศอินเดีย เพื่อจะได้ไปรู้เห็นความเป็นจริงในอินเดียอย่างรู้จริงเป็นเวลารวม 1 ปี</li>
</ul><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1916" title="ค.ศ. 1916"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1916</span></a> คานธีเริ่มก่อกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชนอินเดีย และเรียกร้องโดยวิธีขอความร่วมมือผนึกกำลังคนละเล็กคนละน้อยจนเป็นพลังที่สั่นประเทศได้ ประกอบกับในช่วงนั้น อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ทำให้ต้องมีการเรียกร้องสิทธิที่อังกฤษพยายามกดขี่ชาวอินเดีย</li>
</ul><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1919" title="ค.ศ. 1919"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1919</span></a> ได้มีการประกาศกฎหมาย Rowlatt ซึ่งเป็นกฎหมายที่กดขี่ชาวอินเดีย คานธีจึงประกาศขอความร่วมมือว่าในวันที่ <a href="http://www.blogger.com/wiki/30_%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="30 มีนาคม"><span style="color: #0645ad;">30 มีนาคม</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1919" title="ค.ศ. 1919"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1919</span></a> ขอความร่วมมือให้คนอินเดียหยุดงาน แล้วประชาชนเป็นล้านๆ คนก็หยุดงานในวันนั้น สั่นคลอนอำนาจรัฐบาลอังกฤษอย่างชัดเจน คานธีรู้สึกอัศจรรย์ แต่ไม่นานก็พบข้อเสียของการใช้วิธีสัตยาเคราะห์ กับสังคมขนาดใหญ่ๆ อย่างอินเดีย</li>
</ul>ข้อเสียนั้นคือ มีบางแห่งที่บานปลายเกิดการต่อสู้ใช้กำลัง รัฐบาลอังกฤษจึงใช้เป็นข้ออ้างในการจับกุมตัวคานธีไป แต่เมื่อคานธีถูกจับกุม เมืองต่างๆก็เกิดความเคียดแค้นและวุ่นวายจนเกือบกลายเป็นเหตุจราจลระดับประเทศ ซึ่งหลังคานธีได้รับอิสระในวันที่ <a href="http://www.blogger.com/wiki/13_%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99" title="13 เมษายน"><span style="color: #0645ad;">13 เมษายน</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1919" title="ค.ศ. 1919"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1919</span></a> และได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดบานปลายนี้ คานธีรู้สึกเสียใจมาก จึงประกาศอดอาหารตนเอง 3 วัน<br />
แต่ในวันนั้นเอง เป็นวันนักขัตฤกษ์ของอินเดีย ประชาชนนับพันคนไปรวมตัวสังสรรค์กันที่สวนสาธารณะชัลลียันวาลา เมืองอมฤตสระ แต่ว่า ในวันนั้น นายพล Dyer ผู้บังคับบัญชากองทหารอังกฤษในอมฤตสระ รู้สึกเคียดแค้นชาวอินเดีย และต้องการให้ชาวอินเดียรู้ถึงอานุภาพอังกฤษ จึงออกคำสั่งให้กองทัพรัวปืนใส่กลุ่มประชาชนในชัลลียันวาลา ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,500 ศพ บาดเจ็บประมาณ 3,000 คน เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ทำให้รัฐบาลอังกฤษเสื่อมเสียเกียรติยศอย่างยากจะฟื้นตัว<br />
<ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1922" title="ค.ศ. 1922"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1922</span></a> ได้เกิดเหตุใช้กำลังต่อสู้กันอีกครั้ง คานธีถูกจับกุมอีกครั้งในฐานะผู้ก่อความไม่สงบ และถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี แต่ถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดเพราะเหตุผลทางสุขภาพใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1924" title="ค.ศ. 1924"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1924</span></a> และตั้งแต่ถูกปล่อยตัว คานธีก็หันไปแก้ไขปัญหาที่เกิดจากภายในประเทศก่อน เช่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท แก้ไขปัญหาการถือชนชั้นวรรณะในอินเดีย ปัญหาความขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดูกับมุสลิม ปัญหาความไม่เสมอภาคของสตรี และปัญหาต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการกดขี่จากต่างประเทศ</li>
</ul><h3><span class="editsection">[<a href="http://www.blogger.com/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2_%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5&action=edit&section=4" title="แก้ไขส่วน: ประท้วง"><span style="color: #0645ad;">แก้</span></a>]</span> <span class="mw-headline" id=".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.97.E0.B9.89.E0.B8.A7.E0.B8.87">ประท้วง</span></h3><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1930" title="ค.ศ. 1930"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1930</span></a> คานธีหวนกลับสู่สังเวียนการเมืองอันเร่าร้อน เพราะต้องการประท้วงกฎหมายอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียทำเกลือกินเอง เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะไม่ให้คนอินเดียใช้ทรัพยากรของอินเดีย โดยในวันที่ <a href="http://www.blogger.com/wiki/12_%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="12 มีนาคม"><span style="color: #0645ad;">12 มีนาคม</span></a> คานธีได้เริ่มการเดินทางไปยังชายทะเลในตำบลฑัณฑี พร้อมกับประชาชนนับแสนคนที่เต็มใจไปกับคานธี คานธีเดินทางเป็นเวลา 24 วัน 400 กิโลเมตร ก็ไปถึงชายทะเล คานธีบอกประชาชนนับแสนให้ร่วมกันทำเกลือกินเอง ดังนั้น ในวันนั้น คานธีและประชาชนนับแสนได้ทำเกลือจากทะเลกินเอง เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่อังกฤษตั้งไว้</li>
</ul>ทางการอังกฤษ ได้ดันทุรังจับกุมคานธีและประชาชนนับแสนคนในวันที่ <a href="http://www.blogger.com/wiki/4_%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="4 พฤษภาคม"><span style="color: #0645ad;">4 พฤษภาคม</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1930" title="ค.ศ. 1930"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1930</span></a> ทำให้จำนวนแรงงานอาชีพในอินเดียหายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบเศรษฐกิจและระบบบริหารงานของรัฐบาลอังกฤษเกิดความปั่นป่วนอย่างใหญ่หลวง จนกระทั่งต้องปล่อยตัวประชาชนออกมาเรื่อยๆ และรัฐบาลอังกฤษได้ปล่อยตัวคานธีใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1931" title="ค.ศ. 1931"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1931</span></a> และในปีนั้น คานธีถูกเชิญตัวไปร่วมประชุมหารือกับรัฐบาลอังกฤษ โดยมีนายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้นเป็นประธาน การประชุมครั้งนี้ไม่ได้ผลอะไรมากนัก<br />
เมื่อคานธีกลับอินเดีย ก็ถูกจับอีก และก็ถูกปล่อยตัวอีก และหลังถูกปล่อย ก็ใช้เวลาไปพัฒนาชนบทอีก จนเมื่อ <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1939" title="ค.ศ. 1939"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1939</span></a> ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กลับเข้าสู่วงการเมืองอีก มีการเดินขบวนรณรงค์ แล้วก็ถูกจับใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1942" title="ค.ศ. 1942"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1942</span></a> อีก แต่ครั้งนี้ ระหว่างอยู่ในคุก กัสตูรบา ภรรยาคานธีได้เสียชีวิตลงใน <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1944" title="ค.ศ. 1944"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1944</span></a> แล้วสักพักก็ถูกปล่อยตัว<br />
<ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1945" title="ค.ศ. 1945"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1945</span></a> ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศจะให้อินเดียได้ปกครองตนเอง นับเป็นการที่อิสระของอินเดียอยู่แค่เอื้อมแล้ว แต่ว่า ก่อนจะให้อิสระอินเดีย อังกฤษต้องหารัฐบาลชาวอินเดีย ที่จะปกครองอินเดียต่อจากอังกฤษในช่วงแรกๆของการมีอิสระครั้งของอินเดียในยุคแห่งเทคโนโลยี แต่ทว่า ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าระหว่างพรรคคองเกรส (ที่นับถือศาสนาฮินดู) กับสันนิบาตมุสลิม ใครจะมาปกครอง การให้อิสระอินเดียจึงต้องล่าช้าออกไป</li>
</ul><h3><span class="editsection">[<a href="http://www.blogger.com/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2_%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5&action=edit&section=5" title="แก้ไขส่วน: ความขัดแย้ง"><span style="color: #0645ad;">แก้</span></a>]</span> <span class="mw-headline" id=".E0.B8.84.E0.B8.A7.E0.B8.B2.E0.B8.A1.E0.B8.82.E0.B8.B1.E0.B8.94.E0.B9.81.E0.B8.A2.E0.B9.89.E0.B8.87">ความขัดแย้ง</span></h3><ul><li><a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1946" title="ค.ศ. 1946"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1946</span></a> ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมและฮินดูในอินเดีย จนเกิดเป็นเหตุนองเลือดรุนแรงไปทั่วทุกหัวระแหง คานธีรู้สึกเสียใจมาก ที่อิสรภาพของอินเดียอยู่แค่เอื้อม แต่ยังไม่ทันได้อิสรภาพ ชาวอินเดียก็ทะเลาะกันเองเสียนี่ คานธีจึงได้หอบสังขารวัย 77 ปี ลงเดินเท้าไปยังภูมิภาคต่างๆในอินเดีย เพื่อขอร้องให้ชาวอินเดียหันมาสามัคคีกัน หยุดทะเลาะกันเสียที ประชาชนอินเดียเห็นคานธีทำเช่นนี้ก็รู้สึกตัว เลิกทะเลาะกัน ทำให้เกิดความสงบสามัคคีในชนบทได้</li>
</ul>เดือนพฤษภาคม <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1947" title="ค.ศ. 1947"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1947</span></a> ได้มีการเจรจาตกลงระหว่างพรรคคองเกรสกับสันนิบาตมุสลิม โดยได้ผลสรุปคือ เมื่ออินเดียได้รับเอกราช จะแบ่งประเทศเป็น 2 ส่วน โดยให้พื้นที่ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนฮินดู เป็นประเทศอินเดียของพรรคคองเกรส แล้วพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนมุสลิม ให้เป็นประเทศ<a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99" title="ปากีสถาน"><span style="color: #0645ad;">ปากีสถาน</span></a> ปกครองโดยสันนิบาตมุสลิม<br />
<h3><span class="editsection">[<a href="http://www.blogger.com/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2_%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5&action=edit&section=6" title="แก้ไขส่วน: อินเดียเป็นอิสระ"><span style="color: #0645ad;">แก้</span></a>]</span> <span class="mw-headline" id=".E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.94.E0.B8.B5.E0.B8.A2.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.87.E0.B8.99.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.AA.E0.B8.A3.E0.B8.B0">อินเดียเป็นอิสระ</span></h3><ul><li><a href="http://www.blogger.com/wiki/15_%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="15 สิงหาคม"><span style="color: #0645ad;">15 สิงหาคม</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1947" title="ค.ศ. 1947"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1947</span></a> อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษโดยสมบูรณ์ และในวันนั้น อินเดีย ก็แตกเป็น 2 ประเทศ คืออินเดียของชาวฮินดู กับปากีสถานของมุสลิม แต่ว่า ท้องที่ๆ คนส่วนใหญ่เป็นศาสนาหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนอีกศาสนาหนึ่งอาศัยอยู่เลย ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในอาณาเขตประเทศที่เป็นท้องที่ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาตรงข้าม ก็ต้องอพยพ กล่าวคือ ผู้ที่เป็นมุสลิมในอินเดีย ก็ต้องอพยพไปปากีสถาน และผู้ที่เป็นฮินดูในปากีสถาน ก็ต้องอพยพมาอินเดีย ในวันนั้น ทั้งสองประเทศ จัดงานฉลองอิสรภาพครั้งใหญ่ แต่คานธีไม่เข้าร่วมพิธีฉลองอิสรภาพ แต่ได้เดินทางไปยังกัลกัตตา เพราะได้ข่าวว่ามุสลิมและฮินดูยังรบสู้กันอยู่ คานธีเดินทางไปถึงที่กัลกัตตา และขอร้อง แต่ไม่เป็นผล จึงประกาศอดอาหารอีก ครั้งนี้ได้ผล มุสลิมและฮินดูในกัลกัตตาเลิกรบกันทันที และให้สัญญาว่าจะไม่มีการรบแบบนี้เกิดอีก คานธีจึงเดินทางกลับเมืองหลวงนิวเดลฮี</li>
</ul><ul><li><a href="http://www.blogger.com/wiki/13_%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="13 มกราคม"><span style="color: #0645ad;">13 มกราคม</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1948" title="ค.ศ. 1948"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1948</span></a> คานธีต้องการไปปากีสถาน เพื่อสมานฉันท์กับชาวมุสลิม ทั้งๆที่คานธีเป็นฮินดู สันนิบาตมุสลิมจึงคัดค้านการเข้าปากีสถานของคานธี เพราะเกรงจะเกิดอันตราย คานธีจึงประกาศอดอาหารอีกครั้ง เพื่อสมานฉันท์ระหว่างมุสลิมกับฮินดู</li>
</ul><ul><li><a href="http://www.blogger.com/wiki/18_%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="18 มกราคม"><span style="color: #0645ad;">18 มกราคม</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1948" title="ค.ศ. 1948"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1948</span></a> องค์กรประชาชนในนิวเดลฮีให้คำมั่นว่า จะพิทักษ์รักษาชีวิต ทรัพย์สิน และศาสนาของชาวมุสลิมอย่างเต็มที่ คานธีจึงกลับมากินอาหารอีกครั้ง</li>
</ul><h3><span class="editsection">[<a href="http://www.blogger.com/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2_%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5&action=edit&section=7" title="แก้ไขส่วน: การเสียชีวิต"><span style="color: #0645ad;">แก้</span></a>]</span> <span class="mw-headline" id=".E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B9.80.E0.B8.AA.E0.B8.B5.E0.B8.A2.E0.B8.8A.E0.B8.B5.E0.B8.A7.E0.B8.B4.E0.B8.95">การเสียชีวิต</span></h3>วันที่ <a href="http://www.blogger.com/wiki/30_%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1" title="30 มกราคม"><span style="color: #0645ad;">30 มกราคม</span></a> <a class="mw-redirect" href="http://www.blogger.com/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1948" title="ค.ศ. 1948"><span style="color: #0645ad;">ค.ศ. 1948</span></a> ในตอนเย็น ขณะที่คานธีอยู่กลางสนามหญ้า กำลังสวดมนต์ไหว้พระตามกิจวัตร ขณะที่คานธีกำลังพูดว่า "เห ราม" แปลว่า "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า"<br />
นาถูราม โคทเส ชาวฮินดูผู้คลั่งศาสนา ไม่ต้องการให้ฮินดูสมานฉันท์กับมุสลิม ได้ยิงปืนใส่คานธี 3 นัด จนคานธีล้มลง และเมื่อแพทย์ได้มาพบคานธี ก็พบว่า คานธีได้สิ้นลมหายใจแล้วในวัย 78 ปีรุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-25745828100963493662011-09-12T04:31:00.000-07:002011-09-12T04:31:11.800-07:00ชวนดูหนังไทยทวนกระแส เนื่องในวาระครบรอบสิบปี ‘9/11’เนื่องในโอกาสครบรอบสิบปีเหตุการณ์ ‘9/11’ หรือเหตุการณ์ที่เครื่องบินสี่ลำถูกไฮแจ็คโดยกลุ่มก่อการร้าย ให้พุ่งเข้าชนตึกแฝดเวิร์ลดเทรด เซ็นเตอร์ และตึกเพนตากอน ในกรุงนิวยอร์ก และวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2541 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวกว่า 3,000 ราย และความเสียหายทางวัตถุและจิตใจที่มากมายมหาศาล<br />
สิบปีถัดมา ในเดือนพฤษภาคม 2554 หลังจากทางการสหรัฐทำสงครามก่อการร้ายกลุ่มอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถานอย่างยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 หน่วยกองทัพพิเศษของสหรัฐ ด้วยความสนับสนุนจากซีไอเอ ก็สามารถจับกุมตัว โอซามา บิน ลาเดนได้ พร้อมทั้งสังหารและนำศพเขาไปทิ้งน้ำอย่างรวดเร็ว<br />
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว จะไม่ได้ส่งผลกับประเทศไทยโดยตรงมากนัก หากแต่ ภาณุ อารี หนึ่งในผู้กำกับสารคดีสั้น “O.B.L” รู้สึกว่า หลังจากที่เหตุการณ์ 9/11 เกิดขึ้น ในฐานะที่ตนเองเป็นมุสลิมและอยู่ในยุคร่วมสมัย กลับทำให้เกิดความสับสนและตั้งคำถามในหลายเรื่อง เช่น หลักคำสอนทางศาสนา ความรุนแรง และอัตลักษณ์ของอิสลาม ซึ่งถูกนำเสนอในสื่อกระแสหลักทั้งไทยและเทศแบบตีขลุมเสมอๆ<br />
“หลังจากเหตุการณ์ 9/11 เกิดขึ้น สำหรับคนทั่วไป เขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไร อาจจะรู้สึกว่า เรื่องก่อการร้ายกับอิสลามเหมือนกับจะเป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแค่นั้น แต่สำหรับคนมุสลิมจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนกับว่า มันได้สร้าง identity (อัตลักษณ์) แบบหนึ่งขึ้นมา หลายคนอาจจะต้องยอมรับกับข้อกล่าวหา หรือว่าทัศนคติที่ถูกมองเปลี่ยนไปว่ามีความรุนแรง... มันเป็นบททดสอบของมุสลิมหลายๆ คน” ภาณุกล่าว<br />
ภาณุกล่าวว่า ทุกวันนี้ เสียงของมุสลิมสายฮาร์ดไลน์ เช่น โอซามา บิน ลาเดน มักจะมีเสียงที่ดังมาก พูดเมื่อใดก็ส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก เช่นเดียวกับมุสลิมสายที่ต่อต้านบิน ลาเดน อย่างไรก็ตาม มุสลิมสายกลาง กลับไม่ค่อยมีพื้นที่ให้แสดงออกหรือเสียงที่ดังเท่าไร เขาจึงอยากให้ภาพยนตร์เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่แสดงตัวตนและความคิดของชาวมุสลิมในอีกด้านที่สังคมอาจไม่ค่อยได้รับรู้มากนัก<br />
ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “O.B.L” เป็นผลงานกำกับโดยสามผู้กำกับรุ่นใหม่ ภาณุ อารี, ก้อง ฤทธิ์ดี และ กวีนิพนธ์ เกตุประสิทธิ์ ที่มีผลงานสารคดีมาแล้วอย่าง “Baby Arabia” ซึ่งสะท้อนผ่านสายตาตัวตนมุสลิมในสังคมสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ<br />
ภาณุกล่าวถึงจุดประสงค์ของการทำหนังครั้งนี้ว่า อยากให้เป็นเหมือนหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ไม่ลืมเหตุการณ์ดังกล่าว และในขณะเดียวกันก็สามารถเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อก้าวไปข้างหน้า และหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก<br />
“อยากให้หนังเรื่องนี้ เป็นหมายเหตุให้เราได้สะดุดและหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ และศึกษามัน” ภาณุกล่าวส่งท้ายรุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-91065967882949092942011-09-12T04:28:00.001-07:002011-09-12T04:28:48.734-07:00คนประจวบฯ ยันค้าน “โรงไฟฟ้าถ่านหิน” ไม่เอา “พลังงานทดแทน” หมกเม็ดความขัดแย้งรอบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากกรณีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เตรียมจัดสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 4,000 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ อ.ทับสะแก แม้ขณะนี้โครงการดังกล่าวยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การที่ กฟผ.ได้จัดซื้อที่ดิน 4,142 ไร่ไว้แล้ว ได้ปลุกกระแสการต่อต้านจากกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งชาวบ้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เคยร่วมกันคัดค้านโรงไฟฟ้าบ้านกรูด-บ่อนอก ขึ้นมาอีกครั้ง<br />
<br />
วันที่ 11 ก.ย.54 เวทีรับฟังความคิดเห็น “ทางเลือกการจัดการพลังงาน: กรณีอำเภอทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์” โดย สถาบันการศึกษาทางเลือก ร่วมกับ มูลนิธิไฮริคเบิลล์ ที่ศาลาประชาคม อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเปิดรับฟังข้อมูลและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยมีชาวบ้านทั้งจาก อ.ทับสะแก อ.บ้านกรูด อ.บ่อนอก อ.บางสะพาน ข้าราชการ และหน่วยงานส่วนท้องถิ่น สนใจเข้าร่วมกว่า 800 คน<br />
<br />
<br />
เผยเป้าหมายร่วม “แผนพัฒนาประจวบฯ” ไม่มีอุตสาหกรรมเหล็ก<br />
<br />
น.ส.สุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้จังหวัดประจวบฯ มีแผนพัฒนาจังหวัด 2555-2558 ที่ว่า “ท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่า สับปะรดและมะพร้าวเป็นที่หนึ่งของโลก และสังคมแห่งมิตรไมตรี” โดยเป็นจุดหมายร่วมของชาวบ้านกับส่วนราชการที่จะมีการนำมาใช้ในปีหน้า คาดว่าจะทำให้พื้นที่มีความสงบสุข โดยเน้นการใช้เศรษฐกิจ 3 ขา ประกอบด้วย การเกษตร การทำประมง และการท่องเที่ยว เนื่องจากจังหวัดประจวบฯ เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งเป็นแหล่งวางไข่ปลาทู มีฉลามวาฬมาหากินห่างชายฝั่งบ้านกูดและทับสะแกเพียง 25 เมตร อีกทั้งยังมีการสำรวจพบว่าชายหาดทับสะแกเป็นที่แรกที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ริมชายฝั่ง<br />
<br />
ส่วนในภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขปี 2550 อุตสาหกรรมเหล็กทำรายได้เข้าสู่จังหวัดกว่า 6,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 78 ของรายได้ในภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด 8,000 กว่าล้านบาท แต่รายได้ดังกล่าวกระจุกตัวอยู่เฉพาะในอุตสาหกรรมเหล็ก และขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กใช้เงินลงทุนถึง 23,700 ล้านบาท คิดเป็นร้อย 76 ของสัดส่วนเงินลงทุนในจังหวัด แต่มีการจ้างงานเพียง 2,600 คน ในขณะที่การจ้างงานในจังหวัดประจวบอีกกว่า 125,000 คนอยู่ในภาคการผลิตอื่นๆ<br />
<br />
น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวต่อมาถึงการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) ว่า อุตสาหกรรมเหล็กเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าสิ้นเปลือง โดยใช้พลังงานถึงร้อยละ 33.1 ของผลผลิต ขณะที่อุตสาหกรรมผลไม้กระป๋องใช้พลังงานร้อยละ 7.4 ของผลผลิต อีกทั้งมีข้อมูลระบุด้วยว่า เครือสหวิริยาเจ้าของโครงการโรงถลุงเหล็กบางสะพานได้เคยแสดงความจำนงใช้ไฟฟ้าถึง 2,000 เมกะวัตต์ ต่อกระทรวงพลังงาน ทำให้ถูกนำไปอ้างเป็นเหตุผลความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและเกิดการผลักดันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่<br />
<br />
สำหรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ น.ส.สุรีรัตน์ ให้ข้อมูลว่า อ.ทับสะแกใช้ไฟฟ้าเพียง 5 เมกะวัตต์ ส่วนอำเภอที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุด คือ อ.บางสะพาน อ.สามร้อยยอด และ อ.บางสะพานน้อยตามลำดับ โดยกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุดคืออุตสาหกรรมและธุรกิจ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าชาวบ้านไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ต้องสร้างโรงไฟฟ้าในประจวบฯ แต่กลับมีแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3 แห่ง และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก 1 แห่งในพื้นที่ <br />
<br />
“เราจะรอดจากมลพิษได้อย่างไร เมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินถูกระบุว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดมลพิษมากทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด” น.ส.สุรีรัตน์ กล่าว พร้อมย้ำว่า ในโลกนี้ไม่มีถ่านหินสะอาด เพราะไม่ว่าถ่านหินลิกไนต์ หรือถ่านหินบิทูบินัส ต่างก็มีมลพิษเหมือนกัน เพียงแต่ให้ความร้อนต่างกันเท่านั้น<br />
<br />
<br />
ข้องใจ ที่ 4,142 ไร่ ไม่สร้างโรงไฟฟ้า แต่ไม่แจงการใช้ประโยชน์<br />
<br />
สุรีรัตน์ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทับสะแกว่า ขณะนี้มีการจัดซื้อที่ดินไว้แล้ว 4,142 ไร่ แต่ทาง กฟผ.กลับให้ข้อมูลกับทางจังหวัดและหน่วยราชการว่ายังไม่มีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่โดยระบุว่าไม่มีการบรรจุไว้ในแผน PDP และล่าสุด กฟผ.มีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 250 ไร่ ซึ่งคิดเป็นพื้นที่เพียงร้อยละ 6 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยไม่มีการชี้แจงแผนการใช้ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งในการดำเนินโครงการดังกล่าว<br />
<br />
“โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คือการจัดฉากของ กฟผ.เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน” สุรีรัตน์ กล่าว<br />
<br />
ส่วนนางจินตนา แก้วขาว กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด ตั้งข้อสังเกตจากข้อมูลในบันทึกความเข้าใจร่วมที่จัดทำโดย กฟผ.ซึ่งส่งถึงแกนนำชาวบ้านว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้ กฟผ.สามารถทำการปิดล้อมที่ดินทั้งหมดให้เป็นเขตห้ามเข้า และทำการสำรวจพื้นที่จัดทำโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ จากนั้นจะมีการดำเนินงานมวลชนสัมพันธ์ รวมทั้งทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเต็มรูปแบบของโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 เมกะวัตต์ ไม่จำเป็นต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม<br />
<br />
นางจินตนา กล่าวด้วยว่า หากโรงไฟฟ้าถ่านหินตั้งขึ้นที่ทับสะแกซึ่งอยู่ห่างบ้านกูดทางถนนเพียง 12 กิโลเมตร และทางชายหาดเพียง 9 กิโลเมตร การขนลำเลียงถ่านหิน การชักน้ำเข้าหล่อเย็นในโรงไฟฟ้า หรือกิจกรรมต่างๆ ของโรงไฟฟ้าย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงกัน ในวันนี้ประชาชนในพื้นที่มีการกำหนดแล้วว่าจะเดินไปทางไหน และจะร่วมกันคัดค้านโรงไฟฟ้าทั้งที่ทับสะแก บ่อนอก และบ้านกรูด<br />
<br />
นอกจากนั้น จินตนายังเสนอต่อที่เวทีรับฟังความคิดเห็นให้ระงับโครงการทับสะแกทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลงว่าที่ดิน 4,142 ไร่ ของ กฟผ.จะถูกนำไปทำอะไรบ้าง ซึ่งชาวบ้านต่างยกมือเห็นด้วย<br />
<br />
<br />
ชี้ข้ออ้างสร้าง “โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์” มุขเก่า<br />
<br />
ด้าน นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีนัยยะที่เกี่ยวพันธ์กัน เพราะจากประสบการณ์ของบ่อนอกกลุ่มทุนก็ใช้วิธีการเดียวกันโดยให้สัมภาษณ์ว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่บ่อนอก แต่พื้นที่ที่ใช้เป็นเศษเสี้ยวของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ดังนั้นขอให้ยืนยันให้ กฟผ.เคลียร์ให้ได้ว่าพื้นที่ไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะสร้างอะไร<br />
<br />
นางกรณ์อุมา กล่าวด้วยว่า วันนี้ยืนยันว่าไม่มีปัญหากับการสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ตามที่มีการส่งเสริมเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน เพราะพื้นที่บ่อนอกตอนนี้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 เมกะวัตต์ ใช้พื้นที่ 20 ไร่ ซึ่งชาวบ้านยินดีหากการก่อสร้างไม่มีเลศนัย<br />
<br />
นอกจากนั้น การเปิดเวทีให้ประชาชนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ผู้เข้าร่วมต่างหวั่นเกรงว่าหาก กฟผ.ใช้พื้นที่ริมชายหาดทับสะแกเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินจะมีผลกระทบเกิดขึ้นในอนาคตทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และการสูญเสียอาชีพ และมีการตั้งข้อสังเกตว่าการสร้างโรงไฟฟ้าเป็นไปเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก<br />
<br />
อีกทั้งยังมีการกล่าวว่า การสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอาจไม่จำเป็น เพราะที่ผ่านมาไฟฟ้าในระบบเหลือเกินมาตลอด และกลายเป็นภาระให้ชาวบ้านต้องจ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้นในค่าเอฟพี หรือหากจำเป็นต้องมีการสร้างโรงไฟฟ้า ชาวบ้านขอเลือกโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม ที่เป็นพลังงานหมุนเวียน ไม่ต้องแย่งชิงเชื้อเพลิงใต้โลกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน<br />
<br />
นักวิชาการฯ หนุนเปลี่ยนพื้นที่โรงไฟฟ้า เป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทน<br />
<br />
ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้รวม จ.ประจวบฯ ทั้ง 15 จังหวัด อยู่ที่ประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ หากมีการเติบโต ความต้องการอีก 20 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 6,000 เมกะวัตต์ แต่แผนพัฒนาพลังงานตั้งไว้ที่ 12,000 เมกะวัตต์ ซึ่งแน่ชัดว่าตัวเลขนี้เป็นการเพิ่มเพื่อต้องการรองรับอุตสาหกรรมเหล็ก หรืออุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะย้ายจากภาคตะวันออกมาลงที่ภาคใต้ ทั้งนี้ ล่าสุดนักวิชาการและภาคประชาชนในภาคใต้ได้ร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาของภาคใต้ โดยใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก ซึ่งใน จ.ชุมพร และ จ.กระบี่ ได้เริ่มแล้วโดยใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่าครึ่งหนึ่งของพลังงานที่ใช้จริงในจังหวัด ทั้งนี้ ตัวเลขพลังงานส่วนที่เกินความต้องการปกติ เป็นสิ่งที่คนใต้ต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับการพัฒนานั้นหรือไม่<br />
<br />
ส่วนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะยาว 20 ปี (2554-2573) ดร.เดชรัต มีเป้าจะลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 12,000 เมกะวัตต์ และช่วยให้ประเทศไทยประหยัดงบประมาณได้กว่าหนึ่งล้านล้านบาท เท่ากับว่าสามารถยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน 9 โรง (7,200 เมกะวัตต์) บวกกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5 โรง (5,000 เมกะวัตต์) ตามแผนพีดีพี2010 ดังนั้นจึงควรส่งเสริมรัฐบาล กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแผนดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุตามเป้าหมาย<br />
<br />
ดร.เดชรัต กล่าวต่อมาถึงข้อห่วงใยต่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ กฟผ.ว่า 1.การก่อสร้างใช้พื้นที่น้อย เพียงร้อยละ 6 ของพื้นที่ทั้งหมด 2.พื้นที่ก่อสร้าง 250 ไร่ อยู่ตรงไหนของพื้นที่ 4,124 ไร่ โดยพื้นที่ที่เหลือสามารถสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินได้สบายโดยเฉพาะหากเป็นที่ติดชายฝั่ง 3.การทำบันทึกข้อตกลงร่วม เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ต้องทำอีไอเอ และที่ผ่านมา กฟผ.มีปัญหาการลงพื้นที่เพื่อทำข้อมูล จึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำสู่การทำอีไอเอเต็มรูปแบบสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินได้<br />
<br />
ดร.เดชรัต กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอที่จะเปลี่ยนพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าของ กฟผ.ให้เป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทน น่าสนใจมาก เพราะมีศักยภาพที่จะจัดการได้ถึง 100 เมกะวัตต์ ยิ่งเมื่อใช้เป็นแหล่งวิจัยจะสามารถพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีเพื่อนำไปพัฒนาในที่อื่นได้ด้วย ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ได้ทำร่วมกับรีสอร์ทแห่งหนึ่งพบว่า พื้นที่ 50 ไร่ ก็สามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านพลังงาน และการท่องเที่ยวไปด้วยได้<br />
<br />
อย่างไรก็ตาม อยากให้เปลี่ยนเทียบการใช้ประโยชน์ในพื้นที่กับของ กฟผ.ว่าอะไรที่จะให้ผลตอบแทนแก่สังคมได้มากกว่ากัน ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าจะทำต่อไป<br />
<br />
ดร.เดชรัต เสนอด้วยว่า การตัดสินใจของพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ โดยการใช้อำนาจตามกฎหมายขององค์กรปกครองท้องถิ่น เช่นที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายหนึ่งในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อป้องกันโครงการที่เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งทำได้ 2 ลักษณะ คือเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการดำเนินโครงการที่เป็นผลกระทบต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม<br />
<br />
บอร์ด กฟผ.ชี้ต้องตั้งคำถามต้องไปถึงนโยบายรัฐฯ ด้วย<br />
<br />
ดร.แล ดิลกวิทยรัตน์ คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บอร์ด กฟผ.) กล่าวถึงประสบการณ์ว่า ในแง่ผู้บริหารระดับสูงของ กฟผ.จะดูแลในแง่นโยบายว่าได้ตามเป้าหมายหรือเปล่า และส่วน กฟผ.เองก็รับลูกนโยบายจากรัฐบาลอีกที ดังนั้น ต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลด้วยว่าเห็นดีเห็นงามกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไปกระทบกับวิถีชีวิตหรือเปล่า การคิดต้นทุนค่าไฟฟ้านั้นคิดแต่ค่าถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ หรือคิดค่าสูญเสียวิถีชีวิตของผู้คนร่วมด้วย เรื่องนี้ต้องตั้งคำถามให้ครบวงจร ทั้งกระทรวง และรัฐบาลว่าได้จะชดเชย หลีกเลี่ยงอย่างไร หรือไม่ควรสร้าง<br />
<br />
“ส่วนตัวที่มามารับฟังเพราะคิดว่าหลายเรื่องตรงกับที่ส่วนตัวคิด แต่อาจไม่ตรงกับผู้ใหญ่หลายท่าน ส่วนที่ถามว่า กฟผ.รู้ข้อมูลไหม ส่วนตัวเองยังต้องยอมรับว่ารู้เรื่องนี้น้อยมาก เหมือนได้มาเข้าห้องเรียน ต้องรู้ว่าผู้บริหารใกล้ชิดฝ่ายเทคนิคมาก ต้องฟังฝ่ายเทคนิค เรื่องปฏิกิริยาของชาวบ้าน กฟผ.อาจไม่รู้ได้ขนาดนี้”ดร.แลกล่าว<br />
<br />
ดร.แล กล่าวด้วยว่า กฟผ.ต้องจับเขาคุยอย่างเปิดอก ในภาษาที่ชาวบ้านคุยรู้เรื่อง ในวันนี้ กฟผ.ต้องคุยกับชาวบ้านให้มากขึ้น เพราะต้องเข้าไปทำงานในพื้นที่ ในบ้านของชานบ้าน นอกจากนี้ งบประมาณกว่า 800 ล้านบาท สำหรับเพื่อทำดีต่อสังคมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ควรคิดนอกกรอบซึ่งอาจดีกับชาวบ้านมากกว่า เพราะปัจจุบัน กฟผ.คิดแค่ในกรอบของ กฟผ.มากเกินไป<br />
<br />
ส่วนข้อเสนอ ดร.แล กล่าวว่า ควรตั้งกรรมการมาพูดคุยกัน เพื่อเป็นทางออกที่ดีในการแก้ปัญหายุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้เข้าที่เข้าทาง เพราะยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นต้นเหตุ ส่วนโรงไฟฟ้าเป็นปลายเหตุ<br />
<br />
<br />
ยื่นข้อเสนอ นายกฯ ค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน-หนุนพลังงานสะอาด<br />
<br />
หลังจากเสร็จสิ้นเวทีการรับฟังความคิดเห็น น.ส.สุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก ได้ยื่นข้อเสนอจากเวทีทางเลือกการจัดการพลังงาน กรณีโรงไฟฟ้าทับสะแก ต่อนายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อผ่านไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-44427382195401714942011-09-12T04:24:00.001-07:002011-09-12T04:24:33.992-07:00เพื่อมวลชน<iframe width="420" height="345" src="http://www.youtube.com/embed/LCygEjUiFeY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-17247912910162189222011-09-12T04:16:00.001-07:002011-09-12T04:16:50.705-07:00นิติราษฎร์เสนอแก้กฎหมายหมิ่นฯสถาบันกษัตริย์ ยกเลิกมาตรา 112วันที่ 27 มีนาคม 2554 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งประกอบไปด้วย วรเจตน์ ภาคีรัตน์, ธีระ สุธีวรางกูร, ปิยบุตร แสงกนกกุล และ สาวตรี สุขศรี ได้จัดงานเสวนาเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ<br />
โดยงานเสวนาได้เริ่มขึ้นจากการอภิปรายจากวิทยากรแต่ละท่าน ตามด้วยข้อเสนอการแก้กฎหมายหมิ่นสถาบันกษัตริย์ และการรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมเสวนา<br />
สำหรับรายละเอียดจากวิทยากรแต่ละท่านมีดังต่อไปนี้<br />
สาวตรี สุขศรี ได้บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับการหมิ่นฯสถาบันกษัตริย์ ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีเนื้อความว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี<br />
<br />
<br />
ในขณะที่ความผิดเรื่องดูหมิ่น ถือเป็นการแสดงความเห็นโดยไม่มีข้อเท็จจริงประกอบ จะเป็นความผิดตามประมวลมาตรา 326 และในตอนท้ายสาวตรี ได้กล่าวถึงสถิติคดีหมิ่นฯสถาบันกษัตริย์ ซึ่งอ้างอิงจากงานวิจัยของ David Strakefuss ว่าในปี พ.ศ. 2548-2552 มีคดี 547 เฉลี่ยปีละ 109 คดี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงปี พ.ศ. 2535 – 2547 ที่มีคดีเฉลี่ยปีละ 0.8 คดีต่อปี เป็น 13,000 เปอร์เซ็นต์ หรือ 131 เท่า<br />
ในขณะที่วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้กล่าวถึงพัฒนาการของกฎหมายหมิ่นฯสถาบันกษัตริย์ จากสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนถึงปัจจุบัน และได้ให้ความเห็นว่าปัญหาของกฎหมายหมิ่นฯ มีทั้งปัญหาในระดับตัวบท และระดับบริบทซึ่งจะถูกนำมากำกับในการใช้ในการตีความ ซึ่งอาจจะเป็นไปอย่างรุนแรงได้<br />
ส่วนปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ยกคำกล่าวของ โรเบสปิแอร์ (Maximilien François Marie Isidore de Robespierre แกนนำของจาโคแบงในการปฏิวัติฝรั่งเศส) ว่า “การขัดขวางมิให้ประชาชนได้ก่อตั้งทางเลือกของพวกเขาเอง ถือเป็นอาชญากรรมฐานหมิ่นมนุษยชาติ” และได้นำเสนอเรื่อง อุดมการณ์และการชี้นำ agent ในระบบกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด รวมถึงความหมายของ “กฎหมาย” และการยกตัวอย่างเปรียบเทียบจากประเทศต่าง ๆรุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-13886778996431340672011-09-12T04:10:00.000-07:002011-09-12T04:10:49.690-07:00ฟังเพลงเพื่อชีวิต นั่งจิบยาดอง เฝ้ามองมวลชน<iframe width="420" height="345" src="http://www.youtube.com/embed/bcDTDSTBXE4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-52342115657178736052011-09-12T04:08:00.000-07:002011-09-12T04:08:19.071-07:00บทเพลงเพื่อสังคม<a href="http://www.blogger.com/%3Ciframe%20width=%22420%22%20height=%22345%22%20src=%22http://www.youtube.com/embed/bcDTDSTBXE4%22%20frameborder=%220%22%20allowfullscreen%3E%3C/iframe%3E"><iframe width="420" height="345" src="http://www.youtube.com/embed/bcDTDSTBXE4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></a>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-5120775131707188902011-09-12T04:03:00.000-07:002011-09-12T04:03:50.084-07:00นักสู้แห่งการอนุรักษ์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiv_r5CcbrPqF-R2LfX-J-6E2gkCKpi52cLiLsqpVWRC_tDti5ScECdST-P1Rs2YaFeZQQWzfik6pNhk8Ymn5og-43hu0uxcbj0vYOtscHgi4yKZAb3tOTkUGrsyG4tKrF7LGT5aIn8QW8/s1600/07863_001.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" nba="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiv_r5CcbrPqF-R2LfX-J-6E2gkCKpi52cLiLsqpVWRC_tDti5ScECdST-P1Rs2YaFeZQQWzfik6pNhk8Ymn5og-43hu0uxcbj0vYOtscHgi4yKZAb3tOTkUGrsyG4tKrF7LGT5aIn8QW8/s1600/07863_001.jpg" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ชีวประวัติ สืบ นาคะเสถียร</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"> คุณสืบ นาคะเสถียร หรือนามเดิม สืบยศ<br />
เป็นชาวอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี<br />
เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒<br />
ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี <br />
บิดาชื่อ นายสลับ นาคะเสถียร อดีต<br />
ผู้ว่าราชการ จังหวัดปราจีนบุรี<br />
มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้อง<br />
ทั้งหมด ๓ คน โดยคุณสืบ เป็นบุตรชายคนโต<br />
น้องชาย และน้องสาวอีก ๒ คน คือ <br />
คุณกอบกิจ นาคะเสถียร และคุณกัลยา รักษาสิริกุล<br />
คุณสืบมีบุตรสาว ๑ คน ชื่อนางสาวชินรัตน์ นาคะเสถียร<br />
ปัจจุบันอายุ ๒๔ ปี (พ.ศ.๒๕๔๔) <br />
ชีวิตและการทำงาน <br />
โดยที่สายตระกูลของคุณสืบ นาคะเสถียร เป็นครอบครัวของชาวนา ชีวิตในช่วงปฐมวัยจึงต้องช่วยทำงานในนาของมารดา เมื่อว่างจากภาระดังกล่าวก็ออกท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ โดยมีไม้ง่ามหนังสะติ๊กคู่ใจ <br />
ได้เข้าเรียนชั้นประถมต้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ช่วงปิดเทอมว่างจากการเรียน ก็จะออกไปช่วยทางบ้านเสริมแนวคันนา เพื่อไม่ให้มีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน ทำงานกลางแจ้งทั้งวัน แม้แดดจะร้อนก็มิเคยปริปากบ่น ครั้นเรียนจบชั้นประถม ๔ ต้องจากครอบครัวไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ในสมัยนั้น คุณสืบ มีบุคลิกประจำตัวคือ เมื่อสนใจหรือตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำจริงจัง จนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด <br />
<br />
๒๕๑๑-๒๕๑๔ เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความตั้งใจการศึกษาอย่างเต็ม ประสิทธิภาพ และเข้าร่วมกิจกรรมของนิสิตในมหาวิทยาลัย โดยเป็นที่ทราบกันดีระหว่าง หมู่เพื่อนผู้ใกล้ชิดว่า คุณสืบ เป็นผู้มีจิตใจรักงานศิลปะ สูงส่งในเชิงมนุษยสัมพันธ์ มีระเบียบ ในการดำเนินชีวิตในสมัยเรียนอย่างเป็นแบบแผน <br />
<br />
๒๕๑๖ เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ได้เข้าทำงานที่กองสวนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ <br />
๒๕๑๗ เข้าศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษา <br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">๒๕๑๘ บรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่ง พนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว - เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี ปราบปรามจับกุมผู้บุกรุกทำลายป่าอย่างมีประสิทธิภาพ <br />
๒๕๒๒ ได้รับทุนจาก British Council ไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในสาขาวิชาอนุรักษ์วิทยา <br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">๒๕๒๔ เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ มีส่วนร่วมในการจัดการและประสานงาน รวมทั้งเป็นวิทยากรฝึกอบรมพนักงานพิทักษ์ป่าอีกหลายรุ่น <br />
๒๕๒๖ กลับเข้าปฏิบัติราชการประจำ ฝ่ายวิชาการ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ <br />
๒๕๒๙ ปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อน รัชชประภา(เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี <br />
๒๕๓๐ ปฏิบัติงานในโครงการศึกษาผลกระทบสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาพื้นที่ ป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส ต่อมาได้รับคำสั่งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกตำแหน่งหนึ่ง เป็นอาจารย์พิเศษ ประจำภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดเตรียมเอกสารข้อมูลทางด้านบทความและภาพถ่าย ทุ่มเทพลังกาย พลังใจ เพื่อคัดค้าน การสร้างเขื่อนน้ำโจนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและการบุกรุกทำลาย ทรัพยากร ธรรมชาติทุกรูปแบบ <br />
๒๕๓๑ กลับมาปฏิบัติราชการที่ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ <br />
๒๕๓๒ เข้ารับตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี <br />
๒๕๓๓ จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้ง และทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาส และสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง ส่วนมากเป็นหัวข้อเรื่อง “ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง ” “ การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน ” เป็นต้น เขียนเอกสาร โครงงานเพื่อจัดการให้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นพื้นที่มรดกทางธรรมชาติของโลก </div><div style="text-align: left;"></div>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-7193788351044583962011-09-12T03:58:00.000-07:002011-09-12T03:58:13.798-07:00นักสู้เพื่อสัง แห่งภูพาน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLoykrWhCTzMKkV3mFLwscGflmWDFc-PzcwcsEJ2_xbcS6rVyH2jyJyc-dQgFO6WAU0df1PupkuVMZdqPffogOMaSNE4I8ish6mbktgXUixjZylCEWj20GSOut7NwD7VwG__Cc_w9R3QY/s1600/untitled.bmp" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" nba="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLoykrWhCTzMKkV3mFLwscGflmWDFc-PzcwcsEJ2_xbcS6rVyH2jyJyc-dQgFO6WAU0df1PupkuVMZdqPffogOMaSNE4I8ish6mbktgXUixjZylCEWj20GSOut7NwD7VwG__Cc_w9R3QY/s1600/untitled.bmp" /></a></div><br />
ประวัติย่อ <br />
จิตร ภูมิศักดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2473 เป็นชาวจังหวัดปราจีนบุรี ตอนแรกถูกตั้งชื่อว่า สมจิตร เพื่อให้สอดคล้องกับพี่สาวที่ชื่อ ภิรมย์ ต่อมาสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามต้องการให้ชื่อแสดงถึงเพศหญิงชายอย่างชัดเจน จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจิตร จิตรจบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ช่วงสมัยเป็นนิสิตเคยทำหน้าที่สาราณียกรหนังสือมหาวิทยาลัยฉบับ 23 ตุลา ได้ถูกเพื่อนนักศึกษาจับโยนบกจนหลังเดาะ เนื่องจากถูกล่าวหาว่ารูปแบบและเนื้อหาของหนังสือ มีลักษณะเป็นคอมมิวนิสต์ และต่อมาสภามหาวิทยาลัยสั่งพักการเรียน 1 ปี<br />
ระหว่างถูกพักการเรียนจิตรได้ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนอินทรศึกษา และทำหนังสือพิมพ์ไทยใหม่กับ สุภา ศิริมานนท์ เมื่อจบการศึกษาได้เป็น อาจารย์ที่วิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ และเป็นผู้บรรยายวิชาภาษาอังกฤษ ที่คณะสถาปัตย์ ม.ศิลปากร วันที่ 21 ตุลาคม 2501 ถูกจับกุมข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ <br />
<br />
งานเขียนครั้งแรก<br />
ผลงานด้านวิชาการ งานแปลและบทกวีมากมาย เช่น แม่ ของแมกซิม กอร์ตี้ โคทาน ของเปรม จันท์ คนขี่เสือ ของ ภวานี ภัฏฏาจารย์ ศิลปเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน ฯลฯ<br />
<br />
ปัจจุบัน<br />
- วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2509 จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกล้อมยิงเสียชีวิตลงที่ชายป่าบ้านหนองกุง ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนครรุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-33316379813270396332011-08-05T00:02:00.000-07:002011-08-05T00:02:42.894-07:00แบกเป้ตะลอนทัวร์กะเพื่อนตีสๆๆ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhS9m_YUsIbip0QYW_oo7wE-9qRqRo5Auz4TuInkUnQenGAFWEAso2kALewkEu8piBQ2vUAiYeKFn7LCMRUOEt9Pzk5Y6DKD8Z8AiNhOe4tnYGHGOUY2mfmD-Vp_B61Rqf1xVFFg5pzvcc/s1600/IMG_4461.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhS9m_YUsIbip0QYW_oo7wE-9qRqRo5Auz4TuInkUnQenGAFWEAso2kALewkEu8piBQ2vUAiYeKFn7LCMRUOEt9Pzk5Y6DKD8Z8AiNhOe4tnYGHGOUY2mfmD-Vp_B61Rqf1xVFFg5pzvcc/s320/IMG_4461.JPG" t$="true" width="213" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRx0DNLZ8h6wwGY77Y41xJgxLMw-FjCEs9jHDlTORhKqkeExBYBfgYrrbiOUe5fF8t1Ihk00QJuxilBc0VLfVN_QpwBwH0r1nxR2dulsHyDyxpDAaXSN-puLjWlldqTcILCx6YbtARgo8/s1600/IMG_4446.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRx0DNLZ8h6wwGY77Y41xJgxLMw-FjCEs9jHDlTORhKqkeExBYBfgYrrbiOUe5fF8t1Ihk00QJuxilBc0VLfVN_QpwBwH0r1nxR2dulsHyDyxpDAaXSN-puLjWlldqTcILCx6YbtARgo8/s320/IMG_4446.JPG" t$="true" width="213" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjTpL09LwDXtSjdwdANJpYFgtKiJo0WeiX_eURt524yL55Q4VxzB2STCJUzHJtPzvFUERckSjfZOxb-45edS90aiWMt8J1sCnp5V4-ijBliBIORXL9qxBlRL3j10coJMW70BR8Gs8B3FD0/s1600/IMG_4469.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjTpL09LwDXtSjdwdANJpYFgtKiJo0WeiX_eURt524yL55Q4VxzB2STCJUzHJtPzvFUERckSjfZOxb-45edS90aiWMt8J1sCnp5V4-ijBliBIORXL9qxBlRL3j10coJMW70BR8Gs8B3FD0/s320/IMG_4469.JPG" t$="true" width="213" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAAvSlaXGTYiQ6ytbcUtMobF0T4v14EV0fhbNlW1BN10M_C1XccUMKjSRTi2yS0yLwEAaKUEOu4fJGyVJrND9-DQ8Gifn53KmDBK-NTGNrv4odaGTPtGklS8KpgF3J3nylRXgnX9NDj0M/s1600/75325_455591654130_848139130_5278541_8309408_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAAvSlaXGTYiQ6ytbcUtMobF0T4v14EV0fhbNlW1BN10M_C1XccUMKjSRTi2yS0yLwEAaKUEOu4fJGyVJrND9-DQ8Gifn53KmDBK-NTGNrv4odaGTPtGklS8KpgF3J3nylRXgnX9NDj0M/s320/75325_455591654130_848139130_5278541_8309408_n.jpg" t$="true" width="227" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjmJqN4bMYf4xcKwof3RVTeEjshOmGped1h6d63oIoHT82snJk1lSJBZARjnYMbOPSr-PqIAbJMMsPB-oWQ3ltjXhCLq_0x1Pl4irHlDQJCe2PB_hfWk8kFOfyDErpRyqPD-8InnC7OQfo/s1600/73860_455591884130_848139130_5278547_4620762_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjmJqN4bMYf4xcKwof3RVTeEjshOmGped1h6d63oIoHT82snJk1lSJBZARjnYMbOPSr-PqIAbJMMsPB-oWQ3ltjXhCLq_0x1Pl4irHlDQJCe2PB_hfWk8kFOfyDErpRyqPD-8InnC7OQfo/s320/73860_455591884130_848139130_5278547_4620762_n.jpg" t$="true" width="227" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_2DbA-BCFUCd4ZqkRCnBPFHvzlpDSQxGBVuKCe1tKzsytyrqdqOheUHMgmIf0KXX0y0k6NEBQFExzTRWOynixhBjYQVSxfC5WK183p3GGTyr7g2C92QOUgWdYLYJp5H2FVOYwR46x5Fs/s1600/200434_206224606057719_100000105424642_872081_3440270_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_2DbA-BCFUCd4ZqkRCnBPFHvzlpDSQxGBVuKCe1tKzsytyrqdqOheUHMgmIf0KXX0y0k6NEBQFExzTRWOynixhBjYQVSxfC5WK183p3GGTyr7g2C92QOUgWdYLYJp5H2FVOYwR46x5Fs/s320/200434_206224606057719_100000105424642_872081_3440270_n.jpg" t$="true" width="240" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiO8jrpzrTLJeIfHSLQVu_dvxIoQsieu8x4fr_TPj_NANEGyxcWPGlEW63dvNCoGR7Rz73xLgmSfMaCKtlum1ITjFgbIj2D0-739lhYLeu1e8-7bmM8GeIDUQNl353kyikpIEprc1at5gM/s1600/188442_206212799392233_100000105424642_871865_4576402_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiO8jrpzrTLJeIfHSLQVu_dvxIoQsieu8x4fr_TPj_NANEGyxcWPGlEW63dvNCoGR7Rz73xLgmSfMaCKtlum1ITjFgbIj2D0-739lhYLeu1e8-7bmM8GeIDUQNl353kyikpIEprc1at5gM/s320/188442_206212799392233_100000105424642_871865_4576402_n.jpg" t$="true" width="240" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4uCOhZeZDpyJJucXFKZBM4-D6UL4SDzD_NaMK2w7_IGS636JqgFozPI0KF4l30Ju7Btb84yZbCRz7OHemn2gWxBkt2m0uEq_QHudEf2V90bULYlxIO3h3cx_CtfXZXH29ZSMcUJWJkSM/s1600/73985_455592604130_848139130_5278565_3249959_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="261" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4uCOhZeZDpyJJucXFKZBM4-D6UL4SDzD_NaMK2w7_IGS636JqgFozPI0KF4l30Ju7Btb84yZbCRz7OHemn2gWxBkt2m0uEq_QHudEf2V90bULYlxIO3h3cx_CtfXZXH29ZSMcUJWJkSM/s320/73985_455592604130_848139130_5278565_3249959_n.jpg" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhtv9ARviF_8K0yyHJeaGF6Myy-MQxGvRJGaPB9ai-IY-7gWzrbM3dSqxaT7IzcnUqiysUiU-TeNwX1yzfkd3uvpqC5rfucJiCq5afgh04yKFkALX_bDm-OX-YeEKHiwBrmceXVhdEPORA/s1600/37137_455592274130_848139130_5278555_4407259_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="261" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhtv9ARviF_8K0yyHJeaGF6Myy-MQxGvRJGaPB9ai-IY-7gWzrbM3dSqxaT7IzcnUqiysUiU-TeNwX1yzfkd3uvpqC5rfucJiCq5afgh04yKFkALX_bDm-OX-YeEKHiwBrmceXVhdEPORA/s320/37137_455592274130_848139130_5278555_4407259_n.jpg" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAnEFG8HV_UWO7ZdbkQhcioCx7Hxlrjs4pIfg0lEE5jYlHaCk7BNOwd2AqgEBDEAQ4LIbgq0tT17B4EdFlMvwnyXQWSuttf55Gk8HurZVzJoD6XYnRtq8TyF9aZM1pUX0bV6Ca6CksprE/s1600/199277_206222026057977_100000105424642_872029_148696_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAnEFG8HV_UWO7ZdbkQhcioCx7Hxlrjs4pIfg0lEE5jYlHaCk7BNOwd2AqgEBDEAQ4LIbgq0tT17B4EdFlMvwnyXQWSuttf55Gk8HurZVzJoD6XYnRtq8TyF9aZM1pUX0bV6Ca6CksprE/s320/199277_206222026057977_100000105424642_872029_148696_n.jpg" t$="true" width="240" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHnyg0drJbkW9pdnd3YLs2gmXl_yCUPInYQvWQS5IoP86v05BWKmVAyvfEJ1yvfZjlUhyphenhyphenzyuFpJvKEn6-AUaEqi682pcWCxh6Wb94K3nImypdO1ssg3IdV2o7tX9LGE3SdVf8RNPhWQ8g/s1600/IMG_3635.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHnyg0drJbkW9pdnd3YLs2gmXl_yCUPInYQvWQS5IoP86v05BWKmVAyvfEJ1yvfZjlUhyphenhyphenzyuFpJvKEn6-AUaEqi682pcWCxh6Wb94K3nImypdO1ssg3IdV2o7tX9LGE3SdVf8RNPhWQ8g/s320/IMG_3635.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEianDIRVZmrG81M9da0nCSwQyRhrweFau4f8fVWkp2-tcHUQ4xsABNcMmeaG3MuNs5Kxz4oDzSmrfzluvEWmn8XQMGgzuzPK8_mKs6ElyV9ugSWTTa9Brnj5VwnyXfos0DBaals_0PVyDg/s1600/IMG_3680.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEianDIRVZmrG81M9da0nCSwQyRhrweFau4f8fVWkp2-tcHUQ4xsABNcMmeaG3MuNs5Kxz4oDzSmrfzluvEWmn8XQMGgzuzPK8_mKs6ElyV9ugSWTTa9Brnj5VwnyXfos0DBaals_0PVyDg/s320/IMG_3680.JPG" t$="true" width="213" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNnsPuX_oyCna91cNwF8ny5lZDXViCe5Ljj0JRUVOUj69nbsBexLFtAvs6FDRAg_pmqSvjZRzRSz0MlnMr7RmA9e6wiYmr9Eprpi0Uwi7Ehr3YrLwYXKcPu1vL5PGMVsz6yaiW1Pcuk6c/s1600/IMG_3730.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNnsPuX_oyCna91cNwF8ny5lZDXViCe5Ljj0JRUVOUj69nbsBexLFtAvs6FDRAg_pmqSvjZRzRSz0MlnMr7RmA9e6wiYmr9Eprpi0Uwi7Ehr3YrLwYXKcPu1vL5PGMVsz6yaiW1Pcuk6c/s320/IMG_3730.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfkCk7E9zfYXdXZAvRsrHVMiLXfVRqzxZepK6bbvd96Vnp77Rc4JT6bSiBwhT8YLXW3wE9RTGDuW4sYH-vxRWHRAjB42uWQCJO4JZx7NPoqp6QfU7fvfYhnPfsFh_Q-mzCQ-12ehDdw8Q/s1600/IMG_3808.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfkCk7E9zfYXdXZAvRsrHVMiLXfVRqzxZepK6bbvd96Vnp77Rc4JT6bSiBwhT8YLXW3wE9RTGDuW4sYH-vxRWHRAjB42uWQCJO4JZx7NPoqp6QfU7fvfYhnPfsFh_Q-mzCQ-12ehDdw8Q/s320/IMG_3808.JPG" t$="true" width="320" /></a></div>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-75194880910293834592011-08-05T00:00:00.000-07:002011-08-05T00:00:00.740-07:00เพื่อนตีสๆๆไปกะสองล้อ..<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhf8i9rTRS_i_UoHULNXT__hl8QnghABPjVLEd-wDoRkUzx9ejJoGfHQy-ANGN3pXRk8CQYPvF5sokH5d5CcNI70J071g0L-lRvw4u5p1ytacSlrCEu3PQVkmgZ0T6dp5yAGKOiK1lt60E/s1600/IMG_4547.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhf8i9rTRS_i_UoHULNXT__hl8QnghABPjVLEd-wDoRkUzx9ejJoGfHQy-ANGN3pXRk8CQYPvF5sokH5d5CcNI70J071g0L-lRvw4u5p1ytacSlrCEu3PQVkmgZ0T6dp5yAGKOiK1lt60E/s320/IMG_4547.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRW0utLoHLXk3Y2eTS6OyDkqHRDSgye23kVjZJvw2D6dROqNLD1AW7XAOqXoOeMzuFT6ycvJNfQttWcNzEoAKv_SxZRD-IQwOnC79_LtX9my2aQATzYFGQYuitjIsgmbAwL0Qvb0bdYDQ/s1600/IMG_4548.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRW0utLoHLXk3Y2eTS6OyDkqHRDSgye23kVjZJvw2D6dROqNLD1AW7XAOqXoOeMzuFT6ycvJNfQttWcNzEoAKv_SxZRD-IQwOnC79_LtX9my2aQATzYFGQYuitjIsgmbAwL0Qvb0bdYDQ/s320/IMG_4548.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZjReglixbpiCrZoi1IOUd1R1KVvJJHhZO7F2-wrj7Iw11o3PcgGfRrdUWWWbPouoFHmgxYKSZfXnXKfCev3PHQ9vH8YbIVBetPFg6SHIohc2Ohfwdlt0f1Es3O-6Jpp5DjH4IcQzRkJA/s1600/IMG_4562.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZjReglixbpiCrZoi1IOUd1R1KVvJJHhZO7F2-wrj7Iw11o3PcgGfRrdUWWWbPouoFHmgxYKSZfXnXKfCev3PHQ9vH8YbIVBetPFg6SHIohc2Ohfwdlt0f1Es3O-6Jpp5DjH4IcQzRkJA/s320/IMG_4562.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHEGgxfp3ibPtt3-Km706EteDvLUqmQkftRSw8YX7rMOguW_HRPbNfAdojFPfmSxjUxti0i-4_y_s5S4oICjq7RjagFp6rCSyS-EywjLXPAT5_Pfm4am1z-f9HybJR9PG_-9jyv8zsSkM/s1600/IMG_4666.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHEGgxfp3ibPtt3-Km706EteDvLUqmQkftRSw8YX7rMOguW_HRPbNfAdojFPfmSxjUxti0i-4_y_s5S4oICjq7RjagFp6rCSyS-EywjLXPAT5_Pfm4am1z-f9HybJR9PG_-9jyv8zsSkM/s320/IMG_4666.JPG" t$="true" width="213" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmQZdvDr17z4eAwY6nZrGvk_ZmIVa94uEIzD5dRfRoW9HOdm9IT8MRNEJVHioN6f0rCV8_AR92zNQONwJlEheEBQCpum9J0FQwpO7hYtzKUmScSQr_gDnEXn82tjRp_lcJUoLxKG9EG9w/s1600/IMG_4632.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmQZdvDr17z4eAwY6nZrGvk_ZmIVa94uEIzD5dRfRoW9HOdm9IT8MRNEJVHioN6f0rCV8_AR92zNQONwJlEheEBQCpum9J0FQwpO7hYtzKUmScSQr_gDnEXn82tjRp_lcJUoLxKG9EG9w/s320/IMG_4632.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvni7ym6ID43ZljDSGsuaaFvdQ-ILIrrYGeHKgo8jbYrc6VMu5swGvQFPirD9yX5ISx0ArECj1cRMQ2CFjqAZ23tCo-d-rG-NcLTEwLgu7RcsiOtRxhVqxnDpRmA7Ropsj00_h4s2ridc/s1600/IMG_4577.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvni7ym6ID43ZljDSGsuaaFvdQ-ILIrrYGeHKgo8jbYrc6VMu5swGvQFPirD9yX5ISx0ArECj1cRMQ2CFjqAZ23tCo-d-rG-NcLTEwLgu7RcsiOtRxhVqxnDpRmA7Ropsj00_h4s2ridc/s320/IMG_4577.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhuOB7F1EAn62SF23Y3DX3Pl3cv9VG9W2WYBuHzF17voeRRQGGk7oq2NhR4lz4X_s9_RFnWr_UEh9a5rzFS65wP2wE3lwcKR_Dvsyx55xVA8D5dqnjdJ8iquOpMPrUIIjgyNldJzC6w-Hg/s1600/IMG_4568.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhuOB7F1EAn62SF23Y3DX3Pl3cv9VG9W2WYBuHzF17voeRRQGGk7oq2NhR4lz4X_s9_RFnWr_UEh9a5rzFS65wP2wE3lwcKR_Dvsyx55xVA8D5dqnjdJ8iquOpMPrUIIjgyNldJzC6w-Hg/s320/IMG_4568.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWvpe0GWt-8vLCdy0iZX4Shy4J_LWy21Va7RSKbiym9rKYpNdHJrg_E_05yqrfOBJfin_nBifAPRKiPjS1AjkflNCkgsclunaw_DdwSCv3x2orPG53jdi80eP74Tyc04RGcgFxreCOPaI/s1600/IMG_4686.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWvpe0GWt-8vLCdy0iZX4Shy4J_LWy21Va7RSKbiym9rKYpNdHJrg_E_05yqrfOBJfin_nBifAPRKiPjS1AjkflNCkgsclunaw_DdwSCv3x2orPG53jdi80eP74Tyc04RGcgFxreCOPaI/s320/IMG_4686.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhS4XjUPeIY8yYp7Op3LF9Thb9ffeFA_22sLeB3tRVzHV_DxzO54lJKIbF8cYQN1csOnbnEoIZ4Jbmdq4zQ4XdDmVYfAlAyDmQiO-a6Gu7MLQkvPTXNQPbHHjvBssV7e0udYrUhrNP6p_Q/s1600/IMG_4737.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhS4XjUPeIY8yYp7Op3LF9Thb9ffeFA_22sLeB3tRVzHV_DxzO54lJKIbF8cYQN1csOnbnEoIZ4Jbmdq4zQ4XdDmVYfAlAyDmQiO-a6Gu7MLQkvPTXNQPbHHjvBssV7e0udYrUhrNP6p_Q/s320/IMG_4737.JPG" t$="true" width="213" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSD3C5vb5SW4i2qy4_XEPVjHD2T-igivlQSaP3Tgqbq9kbTkp-Ot9DWtgmVXv-_lphkOGBEb9gbRQtAMEhlAH6nqxlob8zjB7f-FUJjcK8gKIih5sJQxdtZ-4EsuHnHowYtt7w-H_9ZaA/s1600/IMG_4773.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSD3C5vb5SW4i2qy4_XEPVjHD2T-igivlQSaP3Tgqbq9kbTkp-Ot9DWtgmVXv-_lphkOGBEb9gbRQtAMEhlAH6nqxlob8zjB7f-FUJjcK8gKIih5sJQxdtZ-4EsuHnHowYtt7w-H_9ZaA/s320/IMG_4773.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPkKniBvvmMdSUaA2tgNHPjNef1LVc8vo9kabbW4gAWH32mgpFsGtjzM64xB7h-taNpQl2A7kvugKL1aQdZw5-MhYWfdxhhL1in0MwMJi8VsevHJSQZnSepf30OIdKYLHR2eGgARVEbmY/s1600/IMG_4793.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPkKniBvvmMdSUaA2tgNHPjNef1LVc8vo9kabbW4gAWH32mgpFsGtjzM64xB7h-taNpQl2A7kvugKL1aQdZw5-MhYWfdxhhL1in0MwMJi8VsevHJSQZnSepf30OIdKYLHR2eGgARVEbmY/s320/IMG_4793.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihFGg4L3zwY1Va5HzcbX9SPSbYt8ZeGiBTTrDAZhjcXgEkQ2IJ7OmK2eO-AqUvFFSWPvsM1nhEBLAej2YmBTAd_7v8vQBfIYVm9DNPjugXuvF82nvzWKGU0bPIxX-QV4p1HSF_Y3e7lEM/s1600/IMG_4962.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihFGg4L3zwY1Va5HzcbX9SPSbYt8ZeGiBTTrDAZhjcXgEkQ2IJ7OmK2eO-AqUvFFSWPvsM1nhEBLAej2YmBTAd_7v8vQBfIYVm9DNPjugXuvF82nvzWKGU0bPIxX-QV4p1HSF_Y3e7lEM/s320/IMG_4962.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgkA6j0WzdJNOlC7xgmAFwBRliFH0msurWBlbk6gq7_taDFD01CfdLSoopbXrX4iJny3W9zwZhuzUePOLc9LYjZ1YDRhfTBY6KKPgLqdLcYF-zw86Z-NyfUqtSau53ByVZ_hbsiVFA-Z14/s1600/IMG_4954.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgkA6j0WzdJNOlC7xgmAFwBRliFH0msurWBlbk6gq7_taDFD01CfdLSoopbXrX4iJny3W9zwZhuzUePOLc9LYjZ1YDRhfTBY6KKPgLqdLcYF-zw86Z-NyfUqtSau53ByVZ_hbsiVFA-Z14/s320/IMG_4954.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUyWAbRXd_gSynTHfMKVzaHL0F7_y5Pv3123guA6L9bzPs6ZAh7lrhHLtBENwoRY1yalpx7Ltc1-raYUcC751d_xBsVwsho5U5AsQyz0Q-6yWeWDOUWActgffCq3tM6cG0VAFhYUzTvJU/s1600/IMG_4807.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUyWAbRXd_gSynTHfMKVzaHL0F7_y5Pv3123guA6L9bzPs6ZAh7lrhHLtBENwoRY1yalpx7Ltc1-raYUcC751d_xBsVwsho5U5AsQyz0Q-6yWeWDOUWActgffCq3tM6cG0VAFhYUzTvJU/s320/IMG_4807.JPG" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBn2zFawsDShEl4AYXW85lfpH9XHRKVURCGI1L5GMCy5Si6enKXQF7IMxmBeL2I36AIwBfoXNJvanhwHG8q0ij1-YX_wc7tte5ITG8PiC81GIkOF_ID27k8LDwgP44DbLbBSI6oj8Aomk/s1600/IMG_4977.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBn2zFawsDShEl4AYXW85lfpH9XHRKVURCGI1L5GMCy5Si6enKXQF7IMxmBeL2I36AIwBfoXNJvanhwHG8q0ij1-YX_wc7tte5ITG8PiC81GIkOF_ID27k8LDwgP44DbLbBSI6oj8Aomk/s320/IMG_4977.JPG" t$="true" width="320" /></a></div>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2269287195109802499.post-76772927947345414382011-08-04T23:56:00.000-07:002011-08-04T23:56:42.862-07:00ตีสๆๆลังเรียนเสร็จ...<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8CLI4mpvxRrUDGZ8mHMwV7pdOgWo1OIW60TtFleow_4lKpivJIJzHSepJilWYHP9fzBJgpZQAAXBOK5y5XXOGiULK_1r94i5qBBVdYFTAVenNQlQYPI67ubSfEky-XWZ1WV6aXePPRu8/s1600/262641_161577717243410_100001735495316_369356_6083740_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8CLI4mpvxRrUDGZ8mHMwV7pdOgWo1OIW60TtFleow_4lKpivJIJzHSepJilWYHP9fzBJgpZQAAXBOK5y5XXOGiULK_1r94i5qBBVdYFTAVenNQlQYPI67ubSfEky-XWZ1WV6aXePPRu8/s320/262641_161577717243410_100001735495316_369356_6083740_n.jpg" t$="true" width="214" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrycai7MbOemUf04v_1ub-oNWarVOU0YFobVZaXU25U0xkQKQ3s82-K_QoxhUQOAy2c9aMbShowsEM9AkLDQS5PmxjnbE8owyZ-br2rpM83f7_Ef80UCzD8zhplKLICFW5GJtlI9cxYsQ/s1600/255671_161861053881743_100001735495316_371141_1216217_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrycai7MbOemUf04v_1ub-oNWarVOU0YFobVZaXU25U0xkQKQ3s82-K_QoxhUQOAy2c9aMbShowsEM9AkLDQS5PmxjnbE8owyZ-br2rpM83f7_Ef80UCzD8zhplKLICFW5GJtlI9cxYsQ/s320/255671_161861053881743_100001735495316_371141_1216217_n.jpg" t$="true" width="214" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEithyphenhyphenMfHC4Ck5d79XlDjJv9cD-lU8ki4De99AjqAHo1hVGAGcDSW5UrF7s2O6gRyE7Z3eYCC8WMqqCTIFkUMd_uRcikMFNtDahVSSE_V27oN4xoDf8sO4WH78sGZ4bemG8JaPbJMSKpn2g/s1600/263398_161577673910081_100001735495316_369355_261523_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEithyphenhyphenMfHC4Ck5d79XlDjJv9cD-lU8ki4De99AjqAHo1hVGAGcDSW5UrF7s2O6gRyE7Z3eYCC8WMqqCTIFkUMd_uRcikMFNtDahVSSE_V27oN4xoDf8sO4WH78sGZ4bemG8JaPbJMSKpn2g/s320/263398_161577673910081_100001735495316_369355_261523_n.jpg" t$="true" width="214" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2MgGo52okUpgWHxDecYrufbV2abtcyanWXDEuKzP1QR8mamZjWhrDsUCFmVVB8YnKezno3-HoWCPlpMhXFvBevWWHb02PiJZEhY4Fa3n_DvphnUxetCLH2xWWDN95btaAzxwYc90awiA/s1600/DSC_0154.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2MgGo52okUpgWHxDecYrufbV2abtcyanWXDEuKzP1QR8mamZjWhrDsUCFmVVB8YnKezno3-HoWCPlpMhXFvBevWWHb02PiJZEhY4Fa3n_DvphnUxetCLH2xWWDN95btaAzxwYc90awiA/s320/DSC_0154.JPG" t$="true" width="212" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8sB4jpri7cLdGDciGubTh_Hi2DBl-jPIhCYe8gEh54fqsQAfWtl0DwCCsZBioaFlETiYpUnVCwSguHmSAsfHElsjp8egkgPhkkyukqGyKaASYJPJ1hVOHnw1Pc6NPEzjaKkIPR7_fYjs/s1600/DSC_0155.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8sB4jpri7cLdGDciGubTh_Hi2DBl-jPIhCYe8gEh54fqsQAfWtl0DwCCsZBioaFlETiYpUnVCwSguHmSAsfHElsjp8egkgPhkkyukqGyKaASYJPJ1hVOHnw1Pc6NPEzjaKkIPR7_fYjs/s320/DSC_0155.JPG" t$="true" width="212" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjz-rRF-woeUBFsoLLXaA1iRS7lX7TqOlzZzmQI5e-MtPcV7WSYESLjyQB44ETF1j-zeBzopwTaoWlczJ0afU1ceAJuQbbfXQl9RBWv22A9L_CDZ-eay8bt0mqDCb08PN6wZfkkdGSWLEo/s1600/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2592.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="180" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjz-rRF-woeUBFsoLLXaA1iRS7lX7TqOlzZzmQI5e-MtPcV7WSYESLjyQB44ETF1j-zeBzopwTaoWlczJ0afU1ceAJuQbbfXQl9RBWv22A9L_CDZ-eay8bt0mqDCb08PN6wZfkkdGSWLEo/s320/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2592.jpg" t$="true" width="320" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMZmBnIEhaplzc3ADtC7segXw6PdWf95yjFcyKV3N86ECPje53DdSbzO6jY7LrkW8JxzzOLz6WPgodTNgxcKTQ9pbX2dvQ31Fsw4FMa9n8WSFMwxj8KoQUYNZ8GcLl5c8OztX-A1RXDkA/s1600/DSC_0132.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMZmBnIEhaplzc3ADtC7segXw6PdWf95yjFcyKV3N86ECPje53DdSbzO6jY7LrkW8JxzzOLz6WPgodTNgxcKTQ9pbX2dvQ31Fsw4FMa9n8WSFMwxj8KoQUYNZ8GcLl5c8OztX-A1RXDkA/s320/DSC_0132.JPG" t$="true" width="212" /></a></div>รุฒ อนาตีสสสhttp://www.blogger.com/profile/13108177301958727033noreply@blogger.com0